

รัฐบาลบราซิลปฏิบัติการกวาดล้างและปราบปรามเครือข่ายและสมาชิกกลุ่มค้ายาเสพติดในพื้นที่ชุมชนแออัดในกรุง Rio de Janeiro เมื่อ 28-30 ตุลาคม 2568 เป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยในประเทศ การปฏิบัติการดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากถึง 132 คน ส่วนใหญ่เป็นประชาชนในชุมชนแออัด ทำให้ประชาชนชาวบราซิลบางส่วนไม่พอใจอย่างมาก และมีมุมมองว่าเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่ปฏิบัติการดังกล่าวกระทำเกินกว่าเหตุ เป็นการสังหารหมู่ จึงรวมตัวกันชุมนุมประท้วงและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐแสดงความรับผิดชอบ เฉพาะอย่างยิ่งนาย Claudio Castro ผู้ว่ากรุง Rio de Janeiro ที่ยืนยันว่าเป้าหมายของปฏิบัติการครั้งนี้ คือ อาชญากร
ประธานาธิบดี Luiz Inacio Lula da Silva ของบราซิลแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ พร้อมระบุว่ารัฐบาลกลางไม่ได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับปฏิบัติการดังกล่าวล่วงหน้า ด้านเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ร่วมแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบและความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยย้ำว่าปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยความมั่นคงจำเป็นต้องสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจบราซิลระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวมีการวางแผนมานาน ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 2,500 คน รวมทั้งมีเฮลิคอปเตอร์และอากาศยานไร้คนขับร่วมปฏิบัติการด้วย เป้าหมายเพื่อกดดันสมาชิกองค์กรค้ายาเสพติดหลบหนีจากชุมชนไปแอบซ่อนตัวในพื้นที่รกร้างหรือป่าบริเวณใกล้เคียง จากนั้น เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษจะเข้าไปจัดการเป้าหมาย คือ สมาชิกกลุ่ม Comando Vermelho องค์กรค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่เก่าแก่และทรงอิทธิพลของบราซิล มีฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่ตอนเหนือของกรุง Rio de Janeiro และมีรายงานว่าขยายปฏิบัติการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมอื่น ๆ ได้แก่ ค้าอาวุธ ทั้งนี้ มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ากลุ่มดังกล่าวตอบโต้ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธและอากาศยานไร้คนขับ สะท้อนว่ากลุ่มอาชญากรนี้มีขีดความสามารถและเป็นภัยคุกคาม
บราซิลเคยปฏิบัติการกวาดล้างและปราบปรามสมาชิกองค์กรอาชญากรรมและยาเสพติดในชุมชนแออัดหลายครั้ง และส่วนใหญ่จะมีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติการครั้งนี้มีขึ้นก่อนที่บราซิลจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติ ได้แก่ การประชุมสุดยอดนายกเทศมนตรีโลก C40 (C40 World Mayors Summit) และการมอบรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมในสัปดาห์หน้า รวมทั้งการประชุม COP30 ในปลาย พฤศจิกายน 2568 ทั้งนี้ รัฐบาลบราซิลจะติดตามท่าทีของประชาชนและหน่วยงานที่รับผิดชอบปฏิบัติการดังกล่าวต่อไป เพื่อควบคุมความรุนแรงในสังคม ซึ่งเป็น 1 ในปัจจัยสำคัญต่อสถานการณ์การเมืองและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และอาจมีผลต่อการเลือกตั้งทั่วไปของบราซิลในปี 2569








