![]()

การพบหารือกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำซีเรีย ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2568 อาจเป็นจุดพลิกผันสำคัญที่ปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ให้มีความร่วมมือมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งการต่อต้านการก่อการร้ายและรักษาบรรยากาศความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้อนรับการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีอะห์มัด อัชชะระอ์ ของซีเรีย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้นำสหรัฐฯ ต้อนรับผู้นำซีเรียตั้งแต่ปี 2489 หรือปีที่ซีเรียได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส นอกจากนี้ ยังเป็นการต้อนรับผู้นำซีเรียที่ไปเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรกหลังจากโค่นล้มรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีบะชาร อัลอะซัด ซึ่งสืบทอดตำแหน่งทางการเมืองเป็นระยะเวลานาน ก่อนหน้านี้ เมื่อกันยายน 2568 ประธานาธิบดีอัชชะระอ์ เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly – UNGA) ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เคยพบหารือกับประธานาธิบดีอัชชะระอ์ เมื่อ พฤษภาคม 2568 ที่ซาอุดีอาระเบีย โดยประธานาธิบดีทรัมป์มีมุมมองเชิงบวกต่อผู้นำซีเรีย แม้ว่าจะเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับกลุ่มอัลกออิดะห์ กลุ่มก่อการร้ายสากลที่มีเป้าหมายโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ มาก่อน ด้านโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ย้ำว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์พร้อมต้อนรับผู้นำซีเรียนั้นเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์การทำงานด้านการทูตของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มุ่งผลสำเร็จ คือ การพูดคุยและเจรจาโดยตรงเพื่อให้เกิดสันติภาพและความมั่นคงในระยะยาว
การพบกันอย่างเป็นทางการระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำซีเรียอาจทำให้ซีเรียร่วมมือกับนานาชาติด้านการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Islamic State หรือ IS ที่มีรายงานว่ายังคงเคลื่อนไหวและขยายกองกำลังอยู่ในพื้นที่ชนบทของซีเรีย นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงท่าทียอมรับและร่วมมือกับผู้นำซีเรีย จะเป็นแรงกระตุ้นให้นานาชาติทยอยยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อซีเรีย ซึ่งอาจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายความร่วมมือกับรัฐบาลซีเรียมากขึ้น เนื่องจากซีเรียเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลาง และมีทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำมัน
มีรายงานว่าเป้าหมายสำคัญของประธานาธิบดีทรัมป์ คือ การตั้งฐานทัพสหรัฐฯ ในกรุงดามัสกัส ของซีเรีย ซึ่งจะเป็นฐานทัพอากาศเพื่อกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารระหว่างกัน รวมทั้งสหรัฐฯ ต้องการใช้ฐานทัพดังกล่าวเพื่อเฝ้าระวังและติดตามความสัมพันธ์ระหว่างซีเรียกับอิสราเอลด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ซีเรียปฏิเสธข้อมูลดังกล่าว
ผู้นำซีเรียมีแนวโน้มจะใช้โอกาสจากการเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้สร้างผลงานทางการเมืองและสร้าง “ยุคสมัยใหม่” ของประเทศ โดยจะร้องขอสหรัฐฯ ให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรตามรัฐบัญญัติ Caesar Act ทั้งหมด ซึ่งจะต้องโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีทรัมป์ไปเจรจากับฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ จึงจะมีผลบังคับใช้แบบถาวร
อย่างไรก็ดี ซีเรียก็ยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซีย โดยประธานาธิบดีอัชชะระอ์ ได้พบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่กรุงมอสโก เมื่อ 15 ตุลาคม 2568 ระหว่างการเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีซีเรีย นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีบะชาร อัลอะซัด ถูกโค่นล้มเมื่อธันวาคม 2567







