![]()

รัสเซียรุกเรื่องแร่หายาก (rare earth) โดยเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2568 ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซียให้เวลาหน่วยงานงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ถึงเดือนที่จะจัดทำร่างการสกัด กระบวนการผลิต และการส่งออกแร่หายากที่สมบูรณ์แบบ โดยต้องจัดทำแนวทาง (road map) ระยะยาวดังกล่าว ให้เสร็จ ภายใน 1 ธันวาคม 2568 ซึ่งมีหลักการสำคัญ 5 ส่วน ได้แก่ ประเมินแหล่งทรัพยากรที่จะสามารถสกัดแร่หายาก พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะเชื่อมพื้นที่เหมืองสกัดแร่กับศูนย์กลางการส่งออก บูรณาการเทคโนโลยีระหว่างในประเทศกับต่างประเทศให้เป็นเนื้อเดียวกันในการเสริมสร้างศักยภาพการผลิตแร่หายาก ปฏิบัติการตามกฎระเบียบในด้านสิ่งแวดล้อมและการค้า และกำหนดยุทธศาสตร์การเข้าถึงตลาดในต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี Mikhail Mishustin ของรัสเซียจะเป็นผู้กำกับดูแลตามข้อสั่งการของประธานาธิบดีปูติน ซึ่งได้ผลักดันภายหลังการประชุมเศรษฐกิจภูมิภาคตะวันออก (Eastern Economic Forum-EEF) เมื่อ กันยายน 2568 เพื่อให้ road map เกี่ยวกับการผลิตแร่หายากของรัสเซียระยะยาว สอดรับกับผลประโยชน์จากความต้องการของแร่หายากที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก อีกทั้งแร่หายากจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญต่อการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของรัสเซีย รวมทั้งลดการพึ่งพาแร่หายากจากจีน
รัสเซียพยายามครอบครอง และจัดหาแร่หายากมาต่อเนื่อง เมื่อมีนาคม 2568 ผู้แทนรัสเซียกับสหรัฐฯ ได้หารือกันว่า บริษัทสหรัฐฯ สนใจจะมีโครงการแร่หายากกับรัสเซีย จากที่เมื่อกุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดีปูตินเปิดเผยว่า รัสเซียพร้อมเสนอข้อเสนอการลงทุนร่วมกับประเทศต่าง ๆ ร่วมทั้งสหรัฐฯ เพื่อทำเหมืองแร่หายาก แต่ข้อตกลงกับรัสเซียก็เงียบหายไป ซึ่งมีรายงานจากสหรัฐฯ ว่ารัสเซียไม่ทำตามความต้องการของสหรัฐฯ ที่จะทำให้สันติภาพในยูเครนมีความคืบหน้า ขณะที่เมื่อเมษายน 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามข้อตกลงกับประธานาธิบดียูเครนให้สิทธิพิเศษแก่สหรัฐฯ เพื่อเข้าถึงแร่ต่าง ๆ และเงินลงทุนเพื่อฟื้นฟูประเทศ
ข้อมูลของ U.S. Geological Survey เรื่อง Mineral Commodity Summaries 2024 ประเทศที่มีแร่หายากสำรอง (Global Rare Earth Reserve) 6 อันดับแรกคือ จีน (44 ล้านตัน/ร้อยละ 37 ของสัดส่วนโลก) เวียดนาม (22 ล้านตัน/ร้อยละ 18 ของสัดส่วนโลก) บราซิล (21.8 ล้านตัน/ร้อยละ 18 ของสัดส่วนโลก) รัสเซีย (12 ล้านตันร้อยละ 10 ของสัดส่วนโลก/) ออสเตรเลีย (4.1 ล้านตัน/ร้อยละ 3 ของสัดส่วนโลก) และสหรัฐฯ (1.5 ล้านตัน/ร้อยละ 1 ของสัดส่วนโลก)
รัสเซียมีแหล่งสำรองแร่หายากมากกว่าสหรัฐฯ แต่พอเอามาเข้าสู่กระบวนการผลิต กลับได้น้อยกว่าสหรัฐฯ มาก เนื่องจากรัสเซียยังไม่มีศักยภาพเพียงพอในการสกัดแร่หายากที่มีอยู่ ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้ผลผลิตรายปีของแร่หายากของรัสเซีย อยู่อันดับ 6 ของโลก ทั้งที่เป็นประเทศที่มีแร่หายากสำรองอยู่อันดับ 4 ของโลก เรียงลำดับประเทศที่ผลิตแร่หายากจากที่ผลิตได้สูงสุด ได้แก่ จีน (ปีละ 210,000 ตัน) รองลงไปได้แก่ สหรัฐฯ (ปีละ 43,000 ตัน) ออสเตรเลีย (ปีละ 24,000 ตัน ) บราซิล (ปีละ 5,000 ตัน) เวียดนาม (ปีละ 4,300 ตัน) และรัสเซีย (ปีละ 2,600 ตัน)







