![]()

รัฐบาลเยอรมนีเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบแผนการปรับเพิ่มกำลังพลในกองทัพ หรือ Bundeswehr เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติ โดยคาดว่าฝ่ายนิติบัญญัติเยอรมนี จะพิจารณารายละเอียดและลงมติรับรองแผนการดังกล่าวภายในปี 2568 สำหรับรายละเอียดเบื้องต้น ตั้งแต่ปี 2569 เยอรมนีจะกำหนดให้พลเรือนชายและหญิงที่มีอายุครบ 18 ปีตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความพร้อมและความสนใจในการเป็นทหาร จากนั้นตั้งแต่ กรกฎาคม 2570 พลเรือนชายและหญิงจะได้รับการตรวจร่างกายเพื่อประเมินความพร้อมในการเป็นทหาร เป้าหมายเพื่อให้มีกำลังพลในกองทัพเยอรมนีเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 182,000 นาย และเตรียมความพร้อมเสริมสร้างบทบาทของกองทัพเยอรมนีให้แข็งแกร่งและเป็นกำลังสำคัญในกองกำลังเนโต เนื่องจากคาดว่าภูมิภาคยุโรปจะเผชิญภัยคุกคามจากปฏิบัติการทหารของรัสเซียต่อไปในระยะยาว
แผนการดังกล่าวเป็นผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และการปฏิบัติการทหารของรัสเซียที่เริ่มปรากฏนอกพื้นที่ยูเครนมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งกรณีรัสเซียส่งเครื่องบินลาดตระเวนเหนือน่านฟ้าประเทศสมาชิกเนโต รวมทั้งมีรายงานว่ารัสเซียเพิ่มกำลังทหารในกองทัพเช่นกัน ตลอดจนใช้ความร่วมมือด้านความมั่นคงกับพันธมิตรของรัสเซียเพื่อระดมกำลังทหารจากต่างประเทศ ให้ไปสู้รบเพื่อกองทัพรัสเซียด้วย
แม้ว่าที่ผ่านมา เยอรมนีจะยังไม่เคยตกเป็นเป้าหมายโจมตีทางการทหารของรัสเซียโดยตรง แต่เยอรมนีเป็นประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงและการทหารแก่ยูเครนเป็นอันดับต้น ๆ ทำให้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเยอรมนีประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะตกเป็นเป้าหมายของรัสเซีย รวมทั้งเชื่อว่าการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า จะสร้างความได้เปรียบให้กับเยอรมนีและเนโต ทั้งนี้ เยอรมนีคาดว่าจะเพิ่มกำลังพลในกองทัพได้จำนวน 20,000 นายภายในปี 2569 และในระยะ 10 ปีข้างหน้า เยอรมนีจะมีกำลังพลสำรองในกองทัพถึง 200,000 นาย
แผนการดังกล่าวเป็นไปเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในอนาคต อย่างไรก็ตาม เยาวชนในเยอรมนีไม่เห็นด้วยและกังวลกับแผนการดังกล่าว จากผลสำรวจพบว่าพลเรือนอายุระหว่าง 18-29 ปีในปัจจุบันร้อยละ 63 คัดค้าน เนื่องจากไม่ต้องการเข้าร่วมสงคราม และมีมุมมองว่าเยอรมนีไม่ใช่เป้าหมายของคู่ขัดแย้ง แต่รัฐบาลกำลังพยายามลดรอนสิทธิของเยาวชน ทำให้มีการชุมนุมประท้วงต่อต้านแผนการนี้เมื่อต้น พฤศจิกายน 2568 ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภาของเยอรมนี ขณะเดียวกัน เยาวชนบางส่วนก็เห็นด้วยกับแผนการดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นแนวทางเสริมความมั่นคงปลอดภัยในสังคม และเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของนโยบายป้องปรามทางทหาร







