![]()

รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการปกป้องความมั่นคงช่องแคบไต้หวันและมุ่งมั่นแผนการรวมชาติตามหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ทำให้ประเด็นท่าทีของต่างชาติต่อสถานะและความมั่นคงของไต้หวันมีความสำคัญต่อจีนอย่างมาก ล่าสุด จีนไม่พอใจและตอบโต้ท่าทีของนายกรัฐมนนตรีทาคาอิจิ ซานาเอะ ของญี่ปุ่นระหว่างการแถลงในรัฐสภาญี่ปุ่นเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2568 ว่า ญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซง หากจีนโจมตีไต้หวัน เพราะเป็นสถานการณ์ที่คุกคามต่อความอยู่รอดของญี่ปุ่น
แม้ว่าท่าทีดังกล่าวจะเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ปัจจุบันรัฐบาลและสื่อมวลชนจีนหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นตอบโต้ โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่าการที่ผู้นำญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะถอนคำพูดดังกล่าวนั้นไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และจีนจำเป็นต้องประท้วงผ่านทุกช่องทางตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน 2568 โดยย้ำให้ญี่ปุ่นเคารพคำมั่นที่ทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องร่วมกันในแถลงการณ์ร่วมเมื่อปี 2515 หรือ China-Japan Joint Communiqué ที่ระบุว่าญี่ปุ่นจะยอมรับจีนเป็นหนึ่งเดียว และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งในอาณาเขตของจีน
การดำเนินการของจีนเพื่อตอบโต้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกอบด้วยมาตรการการทูตเป็นส่วนใหญ่ เช่น การแถลงการณ์ย้ำความไม่พอใจ และเรียกเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำจีนไปประท้วง รวมทั้งแจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปญี่ปุ่น รวมทั้งขอให้ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น เพิ่มความระมัดระวังเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม เนื่องจากญี่ปุ่นมีความปลอดภัยลดลง ขณะที่กระทรวงกลาโหมและหน่วยความมั่นคงจีนมีถ้อยแถลงแสดงความพร้อมที่จะป้องกันการแทรกแซงไต้หวัน พร้อมเตือนญี่ปุ่นว่าควรจะศึกษาจากบทเรียนในอดีตให้รอบคอบ นอกจากนี้ เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2568 เว็บไซต์ของกองทัพจีนยังเผยแพร่บทความเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ญี่ปุ่นจะเผชิญหากแทรกแซงสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันด้วย
นอกจากความเคลื่อนไหวด้านการทูตและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา หน่วยยามชายฝั่งจีน หรือ China Coast Guard (CCG) ยังปฏิบัติการลาดตระเวนในพื้นที่รอบเกาะเตียวหยูของจีนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2568 เพื่อปกป้องอาณาเขตและสิทธิของจีนในการลาดตระเวนตามกฎหมาย
สื่อมวลชนจีนมีบทบาทสำคัญในการประท้วงท่าทีผู้นำญี่ปุ่น ด้วยการเผยแพร่ข่าวสารอย่างต่อเนื่องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อย้ำท่าทีของรัฐบาลจีน ควบคู่กับส่งสัญญาณให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นเห็นว่า ท่าทีของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศและไม่ปลอดภัย โดยสำนักข่าว Xinhua ของจีนรายงานว่านายกรัฐมนตรีทาคาอิจิกำลังทำให้ญี่ปุ่นมีภาพลักษณ์ต้องการใช้กำลังทหารเพื่อเสริมสร้างความมั่นคง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นและความต้องการของประชาชนในประเทศ นอกจากนี้ ยังทำให้บรรยากาศความมั่นคงในภูมิภาคอยู่ในความเสี่ยงด้วย
เหตุการณ์ครั้งนี้นอกจากเป็นสัญญาณเตือนความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นที่อาจตึงเครียดขึ้น ยังสะท้อนว่าจีนมีปฏิบัติการอย่างเป็นระบบและเป็นเอกภาพในการสื่อสารให้คู่ขัดแย้ง นานาชาติ และประชาชนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและอาจเป็นภัยคุกคามของชาติ ซึ่งประกอบด้วยปฏิบัติการสื่อสารอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ และค่อนข้างมีประสิทธิภาพในกระบวนการประกอบสร้างความมั่นคง หรือ Securitization ประเด็นไต้หวัน ที่มีความสำคัญต่อจีน







