![]()

รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามปกป้องชาวอเมริกันจากการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์และการหลอกลวงออนไลน์ หรือ Scammer ด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อองค์กรที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมดังกล่าว รวมทั้งองค์กรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีรายงานเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2568 ว่า กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรกลุ่มติดอาวุธ กองทัพประชาธิปไตยกะเหรี่ยง (DKBA) และสมาชิกระดับผู้นำของกลุ่ม DKBA จำนวน 4 ราย เนื่องจากมีพฤติกรรมสนับสนุนการก่ออาชญากรรมออนไลน์ในเมียนมา ซึ่งลวงชาวอเมริกันให้เป็นเหยื่อจากการหลอกให้ลงทุน และลวงให้ไปทำงาน
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังคว่ำบาตรบุคคลสัญชาติไทย ชื่อ นายจะมู สว่าง และบริษัท Trans Asia International Holding Group Thailand Company Limited (Trans Asia) และบริษัท Troth Star Company Limited (Troth Star) ซึ่งอยู่ในเมียนมา เนื่องจากเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมดังกล่าวด้วย โดยที่สหรัฐฯ ระบุชัดเจนว่าเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ดังกล่าวเชื่อมโยงกับจีน
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า นายจะมู สว่าง บุคคลสัญชาติไทยรายนี้ ร่วมมือกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติจีน และกลุ่ม DKBA ในการดำเนินการศูนย์อาชญากรรมออนไลน์ในเมียนมา ส่วนกลุ่ม DKBA ใช้รายได้ที่มาจากอาชญากรรมออนไลน์และการค้ามนุษย์เป็นงบประมาณขับเคลื่อนกิจกรรมของกลุ่ม รวมทั้งการทำสงครามกลางเมือง
มาตรการครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือในการสืบสวนระหว่างกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) และหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ (U.S. Secret Service)
เมียนมา เฉพาะอย่างยิ่งบริเวณชายแดน ที่เป็นที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธ เป็นอีกประเทศหนึ่งนอกจากกัมพูชาที่เป็นฐานอาชญากรรมออนไลน์ ประกอบกับยิ่งใกล้การเลือกตั้งทั่วไปในเมียนมา และประเทศต่าง ๆ กดดันให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มีการกวาดล้างแหล่งหลอกลวงทางออนไลน์ ทำให้เมื่อต้นพฤศจิกายน 2568 เมียนมาประกาศจะมุ่งดำเนินการปราบปรามฐานอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงกิจกรรมผิดกฎหมายในพื้นที่โครงการลงทุนของกลุ่มทุนต่างชาติสีเทาในจังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง (ตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก)
นอกจากนี้ ยังกวาดล้างฐานอาชญกรรมและสถานที่เก็บสินค้าผิดกฎหมายในจังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง เฉพาะอย่างยิ่งโครงการ KK Park โดยสื่อเมียนมารายงานว่า เมื่อ 29 ตุลาคม 2568 ว่า สามารถจับกุมชาวต่างชาติ 166 คน จากฐานอาชญากรรมข้ามชาติทางเทคโนโลยีในโครงการ KK Park และมีการส่งกลับประเทศ ซึ่งเมียนมาได้ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อส่งตัวชาวต่างชาติที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์กลับประเทศ







