![]()

ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งในหลาย ๆ ประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับกัมพูชา เฉพาะอย่างยิ่งจากบริษัท Prince Holding Group ที่นายเฉิน จื้อ เป็นประธานบริษัท โดยมีสำนักงานใหญ่ที่กัมพูชา และมีฐานธุรกิจ scam ในกัมพูชามากกว่า 10 แห่ง โดยบริษัทดังกล่าวใช้ญี่ปุ่นเป็นแหล่งฟอกเงินที่ได้มาจากธุรกิจผิดกฎหมาย ส่วนชาวญี่ปุ่นก็ถูกหลอกลวงไปทำธุรกิจผิดกฎหมายที่กัมพูชา เพื่อให้กลับมาหลอกลวงชาวญี่ปุ่นด้วยกันเอง
บริษัทที่ Prince Holding Group เข้าไปลงทุนในญี่ปุ่น ตั้งแต่เมื่อปี 2565 ตามที่สื่อญี่ปุ่นรายงานเมื่อ กลางพฤศจิกายน 2568 มีอย่างน้อย 3 บริษัท โดยเข้าไปทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทที่ปรึกษา Prince Japan และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Canopy Sands Development Japan Co. เฉพาะอย่างยิ่งบริษัท Canopy Sands Development Japan Co.นี้ สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาในญี่ปุ่นเคยได้โพสต์แนะนำบริษัทว่าอยู่ในเครือของ Prince Holding Group การดำเนินธุรกิจของบริษัททั้งหมดนี้ น่าจะเป็นเพื่อการฟอกเงินที่ได้จากการก่ออาชญากรรม เหมือนกับที่กลุ่มนี้ทำในไต้หวัน และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ มีรายงานว่านายเฉิน จื้อ ประธานบริษัทได้เดินทางไปญี่ปุ่นบ่อยมาก
สแกมเมอร์จากกัมพูชาไม่ใช่เพียงแต่ใช้ญี่ปุ่นเป็นแหล่งฟอกเงินเท่านั้น กัมพูชายังเป็นฐานหลอกลวงให้ชาวญี่ปุ่นไปเป็นสแกมเมอร์ด้วย เช่น มีรายงานเมื่อ พฤษภาคม 2568 ว่า การกวาดล้างสแกมเมอร์ที่จังหวัดปอยเปต พบชาวญี่ปุ่นที่เป็นสแกมเมอร์อย่างน้อย 20 คน โดยบุคลเหล่านี้ถูกล่อลวงไป และเมื่อไปถึงก็ถูกบังคับให้ทำงาน นอกจากนี้ เมื่อปลายสิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นจับกุมตัวชาวญี่ปุ่น 29 คน ที่เดินทางจากกัมพูชาถึงญี่ปุ่น ในข้อหาที่หลอกลวงชาวญี่ปุ่นทางโทรศัพท์จากฐานปฏิบัติการที่กัมพูชา ซึ่งเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นจะสอบสวนผู้ต้องหาเหล่านี้ เพื่อหาต้นตอให้ได้
ทั้งนี้ มีชาวญี่ปุ่นที่เป็นสแกมเมอร์ หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ที่มีฐานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น เห็นได้จากเมื่อ 2562 จับกุมชาวญี่ปุ่นในฟิลิปปินส์ได้ 36 ราย เมื่อปี 2566 จับกุมได้ 25 ที่พนมเปญ กัมพูชา ทางการญี่ปุ่นรายงานว่า ในห้วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) ปี 2568 มีสายโทรศัพท์หลอกลวงชาวญี่ปุ่นถึง 4,737 สาย ทำความเสียหายถึง 264 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการหลอกลวงโทรศัพท์ส่วนใหญ่มากจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้นที่บริษัท Prince Holding Group เข้าไปลงทุน สิงคโปร์ก็มีการเคลื่อนไหว และเมื่อปลายตุลาคม 2568 สิงคโปร์ก็ได้ประกาศอายัดทรัพย์สินของนายเฉิน จื้อ ในสิงคโปร์ เพื่อสอบสวนคดีการฟอกเงินและปลอมแปลงเอกสาร นอกจากนี้ ในห้วงเดียวกัน สิงคโปร์ก็เปิดเผยรายชื่อ และพฤติกรรมที่แก๊งสแกมเมอร์ที่เกี่ยวข้องกับคดีหลอกลวงครั้งใหญ่ในสิงคโปร์ ซึ่งมีฐานปฏิบัติการในกัมพูชาว่ามีหัวหน้าแก๊งเป็นชาวสิงคโปร์ชื่อ นาย Ng Wei Liang อายุ 32 ปี รวมทั้ง ได้ออกหมายจับชาวสิงคโปร์ 27 คน และชาวมาเลเซีย 7 คน ในฐานะผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกของเครือข่ายฉ้อโกงข้ามชาติที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยแก๊งดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าดำเนินการหลอกลวงเหยื่อชาวสิงคโปร์







