![]()

การดำเนินนโยบายของกัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศในห้วงนี้ ทำให้นักวิเคราะห์จับตามองอย่างใกล้ชิดว่าจะเอนเอียงไปข้างไหน ? ……ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน คำตอบก็คือว่ายังอยู่กับข้างจีนแน่ ๆ เพราะต้องพึ่งพาการลงทุนจากจีน รับความช่วยเหลือจากจีน พึ่งพายุทโธปกรณ์ และการทหาร รวมทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวก็ยังมาจากนักท่องเที่ยวจีน แต่ห้วงนี้เกิดอะไรขึ้น กัมพูชาทำอะไรให้สหรัฐฯ ถูกใจ จนทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกการคว่ำบาตรด้านอาวุธให้กับกัมพูชา และคำถามต่อไปก็คือ แล้วจีนจะยอมปล่อยให้กัมพูชาเข้าไปอยู่ในอ้อมอกสหรัฐฯ หรือไม่ ……คำตอบชัดเจนเลยว่า “ไม่”
ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ….การดึงกัมพูชาออกจากจีน รวมทั้งลดทอนการพึ่งพาจีนของกัมพูชา และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกฉียงใต้ คือการดำเนินยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ต้องการสกัดไม่ให้จีนไม่เติบโตอย่างรวดเร็ว และแข็งแกร่งเกินไป จนขึ้นมาท้าทายสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ที่สหรัฐฯ คุมด้านความมั่นคงอยู่ จนส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ด้านการค้า การลงทุน และการคุมเส้นทางขนส่งทางทะเลของสหรัฐฯ ขณะที่ผลประโยชน์ที่จีนจะได้จากกัมพูชามีมากมาย เช่น เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล เป็นเส้นทางเลือกที่จีนจะออกทะเลทางอ่าวไทยจากการเข้าไปลงทุนในท่าเรือ เช่น ฐานทัพเรือเรียม ท่าเรือสีหนุวิลล์ และท่าเรือดาราสาคร หรือเส้นทางถนนทางบก อาจช่วยจีนขนส่งยุทโธปกรณ์ยามที่จีนคับขัน หากเข้าสู่สงคราม
การที่กัมพูชาเข้าใกล้รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ 2.0 ของ แม้ไม่ทำให้กัมพูชาออกจากอิทธิพลจีน แต่ก็สะท้อนถึงความพยายามที่จะลดการพึ่งพาจีนลงบ้าง และยังใช้การใกล้ชิดกับสหรัฐฯ สร้างภาพลักษณ์ของตนเอง ซึ่งกัมพูชาก็ประสบผลสำเร็จ โดยทำให้สหรัฐฯ ยุติการคว่ำบาตรอาวุธ ตั้งแต่ 7 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป และการขายอาวุธจะพิจารณาเป็นรายกรณีไป ทั้งนี้เมื่อ ปี 2564 รัฐบาลประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดนประกาศคว่ำบาตรอาวุธกัมพูชาตาม International Traffic in Arms Regulations (ITAR) โดยข้ออ้างที่กัมพูชามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน มีการคอร์รัปชัน และเชื่อมโยงกับจีน
ความสำเร็จในการโน้มน้าวให้สหรัฐฯ ประกาศยุติการคว่ำบาตรอาวุธของกัมพูชามีรายงานข่าวสารว่าเกิดขึ้นในช่วงการประชุมกับอาเซียนที่มาเลเซีย เมื่อ ตุลาคม 2568 ที่ประธานาธิบดีทรัมป์พบหารือกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นอกจากนี้ ยังมีการตกลงจะเพิ่มความร่วมมือระหว่างกันด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งการปราบปรามการลักลอบยาเสพติด และอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งสหรัฐฯ พอใจ เพราะว่าชาวอเมริกันต้องสูญเสียเงินจำนวนมากการถูกหลอกลวงทางออนไลน์
ในห้วงเดียวกัน หลังการประชุมสองฝ่ายระหว่างสหรัฐฯ กับกัมพูชา นอกรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 12 หรือ ASEAN Defence Ministers’ Meeting Plus (ADMM-Plus) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อ 31 ตุลาคม 2568 นายปีเตอร์ เฮ็กเซท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยผ่านแพล็ตฟอร์ม X ว่า การซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯ กับกัมพูชาภายใต้รหัส Angkor Sentinel ที่เริ่มขึ้นเมื่อ ปี 2553 แต่ระงับไปเมื่อ ปี 2560 จะกลับมาซ้อมรบกันอีกครั้ง โดยจะให้ความสำคัญกับการสนับสนุนภารกิจเพื่อสันติภาพ และปฏิบัติการสร้างเสถียรภาพ
ในปี 2568 ซึ่งเป็นปีที่ครบรอบความสัมพันธ์ 75 ปี ระหว่างกัน ความพยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างกัมพูชากับสหรัฐฯ มีความคืบหน้า สหรัฐฯ สามารถจะเข้าใกล้ฐานทัพเรือเรียม จังหวัดพระสีหนุที่จีนให้การสนับสนุนด้านการเงินเพื่อปรับปรุงและมีพิธีเปิดใช้งาน เมื่อ 5 เมษายน 2568 โดยผู้บัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนกัมพูชา เมื่อ 18 ธันวาคม 2567 และเรือรบ USS Savannah (LCS 28) ของกองทัพเรือสหรัฐ พร้อมลูกเรือ 103 นาย ได้เข้าเทียบท่าที่สีหนุวิลล์ จ.พระสีหนุ ระหว่าง 16-20 ธันวาคม 2567 ด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ที่เรือรบสหรัฐฯ ได้เทียบท่าเรือที่กัมพูชา







