![]()

สำนักงานข้อมูลสภาแห่งรัฐจีน เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2568 เผยแพร่สมุดปกขาวเรื่อง “China’s Arms Control, Disarmament, and Nonproliferation in the New Era” เนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับนโยบายของจีนที่จะไม่แพร่กระจายและควบคุมอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เพื่อลดความขัดแย้งและเพิ่มความไว้วางใจระหว่างประเทศ โดยย้ำว่ารัฐบาลจีนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการควบคุมอาวุธทั่วโลกมาโดยตลอด และมีจุดยืนที่เน้นสร้างสันติภาพ การพัฒนาระหว่างประเทศ การปฏิบัติตามระเบียบโลก และการดำเนินการตามเป้าหมายของสหประชาชาติ (UN) พร้อมกันนี้ จีนเรียกร้องให้ประเทศอื่น ๆ ให้ความสำคัญกับการควบคุมอาวุธเช่นกัน ทั้งอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธชีวภาพ อาวุธเคมีและอาวุธประเภทอื่น ๆ
การเผยแพร่สมุดปกขาวดังกล่าวเป็นผลดีต่อรัฐบาลจีนที่จะทำให้ทั่วโลกเห็นว่าจีนสนับสนุนบทบาทของ UN ให้เป็น กลไกกลางของโลกที่จะควบคุมการแพร่กระจายอาวุธ และจีนพร้อมจะให้ความร่วมมือกับประเทศที่สนับสนุนแนวทางดังกล่าวด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังเป็นการย้ำว่าจีนต้องการสร้างสันติภาพ และให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลระดับโลก หรือ global governance ซึ่งเป็นหลักคิดที่จีนพยายามนำเสนอผ่าน Global Governance Initiative ให้ทั่วโลกยอมรับการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ให้อำนาจแก่องค์กรระหว่างประเทศอย่าง UN และยอมรับขั้วอำนาจโลกแบบพหุภาคี (multilateralism)
สมุดปกขาวฉบับนี้เผยแพร่ในช่วงเวลาครบรอบ 80 ปี ที่จีนได้รับชัยชนะในสงครามต่อต้านญี่ปุ่น และครบรอบการก่อตั้งสหประชาชาติ (UN) 80 ปี เช่นกัน
มีข้อสังเกตว่าเนื้อหาในสมุดปกขาวฉบับนี้ แบ่งเป็นการดำเนินการของจีนเพื่อควบคุมอาวุธในช่วงที่ผ่านมา การเข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมของนานาชาติเพื่อส่งเสริมการสร้างสันติภาพและการปลดอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง และแนวทางการดำเนินนโยบายของจีนในยุคใหม่ หรืออนาคต ที่จะเน้นการพัฒนาจีนให้ทันสมัยบนพื้นที่สังคมนิยมตามแบบของจีน โดยจะให้ความสำคัญกับแผนงานและข้อริเริ่มที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เสนอไว้ 4 ข้อริเริ่ม ได้แก่ Global Development Initiative, Global Security Initiative, Global Civilization Initiative และ Global Governance Initiative
สมุดปกขาวดังกล่าวยังประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงในมุมมองของจีนไว้อย่างน่าสนใจ เช่น การประเมินว่าการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและสันติภาพในภูมิภาค และการที่ “บางประเทศ” มียุทธศาสตร์การควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ที่ไม่แน่นอน ถอนตัวออกจากข้อตกลงด้านการควบคุมและลดอาวุธ ก็สร้างความเสี่ยงด้านความมั่นคงในต่างประเทศเช่นกัน นอกจากนี้ นานาชาติยังเผชิญความท้าทายจาการพัฒนาเทคโนโลยีด้านอวกาศ ไซเบอร์ และปัญญาประดิษฐ์ ทำให้เกิดความพยายามที่จะจารกรรมข้อมูลและพยายามใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าวด้านการทหารมากขึ้น ทำให้บรรยากาศการควบคุมอาวุธไม่แน่นอน ดังนั้น จีนจึงจะดำเนินนโยบายเพื่อสร้างเครือข่ายความมั่นคงและส่งเสริมการลดอาวุธเพื่อสันติภาพของมนุษยชาติ เน้นนโยบายป้องกันประเทศเชิงรับมากกว่าเชิงรุก ตลอดจนเปิดเผยข้อมูลการบริหารงบประมาณด้านกลาโหมอย่างโปร่งใส เพื่อเสริมสร้างควมาไว้วางใจ พร้อมกับขยายความร่วมมือกับนานาชาติที่มีเป้าหมายร่วมกัน โดยกล่าวถึงความร่วมมือด้านการกอบกู้ทุ่นระเบิดกับกัมพูชาด้วย







