![]()

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลระบุเมื่อ 8 ธันวาคม 2568 ว่าจะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เร็ว ๆ นี้เพื่อทบทวนเงื่อนไขและขั้นตอนการดำเนินการตามแผนยุติความขัดแย้งในฉนวนกาซา และฟื้นฟูฉนวนกาซา ระยะที่ 2 หลังจากกองทัพอิสราเอลถอนกำลังออกจากพื้นที่แล้วบางส่วน ขณะที่กลุ่มฮะมาสทำตามแผนระยะที่ 1 คือ ส่งตัวประกันคืนให้อิสราเอลทั้งหมด โดยปัจจุบันเหลือตัวประกันชาวอิสราเอลอีก 1 ราย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นานาชาติสนใจว่าแผนการยุติสงครามในฉนวนกาซาอาจมีความคืบหน้า และมีความชัดเจนเรื่องการบริหารการปกครองฉนวนกาซา รวมทั้งบทบาทของกองกำลังนานาชาติภายใต้สหประชาชาติที่จะเข้าไปควบคุมสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ต่อไป
ท่าทีของนายกรัฐมนตรีอิสราเอลทำให้มีรายงานว่า อิสราเอลจะทบทวนข้อเสนอกับกลุ่มฮะมาสอีกครั้งเร็ว ๆ นี้ เพื่อเป้าหมายให้กลุ่มฮะมาสปลดอาวุธทั้งหมด อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮะมาสยังไม่ตอบรับเงื่อนไขของอิสราเอล พร้อมยืนยันว่ากลุ่มอาจพิจารณาวางอาวุธชั่วคราว หากมีการผลักดันให้เกิดรัฐปาเลสไตน์อย่างจริงจัง รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิงระยะ 5-10 ปีด้วย ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่สหรัฐฯ เสนอ แต่ผู้นำอิสราเอลยังไม่ยอมรับ เพราะคัดค้านการตั้งรัฐปาเลสไตน์ เนื่องจากจะเป็นชัยชนะของกลุ่มฮะมาส
สถานการณ์ความมั่นคงและความขัดแย้งในฉนวนกาซายังไม่แน่นอน เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายยังปฏิบัติการโจมตีทางการทหารต่อเนื่อง แม้จะอยู่ระหว่างทำข้อตกลงหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน นอกจากนี้ มีรายงานว่ากองทัพอิสราเอลใช้โอกาสในช่วงการทำข้อตกลงหยุดยิงนี้วางกำลังพลตามแนวพรมแดนระหว่างเมืองในฉนวนกาซา เพื่อสร้าง “เขตแดนใหม่” เพื่อให้กองกำลังของอิสราเอลยังคงมีอำนาจควบคุมพื้นที่มากกว่าร้อยละ 50 ของฉนวนกาซา ท่าทีดังกล่าวทำให้ประเทศในตะวันออกกลางไม่เห็นด้วย โดยนายกรัฐมนตรีกาตาร์ระบุในที่ประชุม Doha Forum เมื่อ 6 ธันวาคม 2568 ว่า การเจรจาหรือการเดินหน้าทำตามข้อตกลงในระยะที่ 2 และระยะต่อไป จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออิสราเอลถอนกำลังทั้งหมดออกจากฉนวนกาซา เนื่องจากการคงกำลังไว้จะเป็นภัยคุกคามต่อชาวปาเลสไตน์







