![]()

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อ 8 ธันวาคม 2568 โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ขู่ว่าจะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกอีกร้อยละ 5 หากรัฐบาลเม็กซิโกไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามข้อตกลงระหว่างกัน โดยให้เพิ่มการจัดสรรน้ำให้เกษตรกรชาวอเมริกัน พร้อมกับกล่าวโทษเม็กซิโกว่าละเมิดข้อตกลงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกันด้วย
ข้อตกลงที่ผู้นำสหรัฐฯ อ้างถึง คือ สนธิสัญญาการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำ (Utilization of Waters of the Colorado and Tijuana Rivers and of the Rio Grande Treaty) หรือ 1944 Water Treaty ที่เม็กซิโกตกลงว่าจะจัดสรรน้ำในแม่น้ำริโอกรันเด ให้กับเกษตรกรชาวอเมริกันที่ทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ในพื้นที่ตอนใต้ ติดกับแม่น้ำโคโลราโด โดยภายใต้สนธิสัญญาดังกล่าว เม็กซิโกต้องส่งน้ำให้สหรัฐฯ ปริมาณ 1.75 ล้านเอเคอร์-ฟุต ในทุก ๆ 5 ปี หรือประมาณ 350,000 เอเคอร์-ฟุตต่อปี ผ่านระบบเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าเม็กซิโกไม่ดำเนินการตามสนธิสัญญา ทำให้เกษตรกรในรัฐเทกซัสได้รับผลกระทบอย่างมาก
สหรัฐฯ กดดันเม็กซิโกด้วยประเด็นนี้มาตั้งแต่ เมษายน 2568 ขณะที่เม็กซิโกชี้แจงว่าเผชิญอุปสรรคในการดำเนินการ เนื่องจากเผชิญภัยแล้งรุนแรงตั้งแต่ปี 2567 โดยมีรายงานว่าพื้นที่เกษตรกรรมร้อยละ 75 ของเม็กซิโกเผชิญภัยแล้ง รวมทั้งได้แจ้งเงื่อนไขกับสหรัฐฯ ไปก่อนแล้ว อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่าท่าทีของเม็กซิโกไม่ยุติธรรมและอ้างข้อมูลจากหน่วยงาน The International Boundary and Water Commission ของสหรัฐฯ ว่าในห้วง 5 ปีที่ผ่านมา เม็กซิโกส่งน้ำให้สหรัฐฯ ไม่ถึงเป้าหมายและกรอบปริมาณที่กำหนดไว้ ทำให้สถานการณ์การทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ในรัฐเทกซัสได้รับผลกระทบ และสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจไปมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่ผ่านมา ผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกจากพื้นที่ดังกล่าวพยายามเสนอร่างกฎหมายเพื่อกดดันรัฐบาลเม็กซิโกแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องแสดงบทบาทด้วยการใช้อำนาจสั่งการในฐานะประธานาธิบดี เพื่อกดดันเม็กซิโกเพิ่มเติม
ปัจจุบันเม็กซิโกยังไม่มีท่าทีตอบโต้ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้อัตราภาษีร้อยละ 30 ต่อสินค้าจากเม็กซิโกอยู่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจึงมีมุมมองว่าการเพิ่มอัตราภาษีอีกร้อยละ 5 อาจไม่มีผลต่อการดำเนินนโยบายของเม็กซิโก เนื่องจากเม็กซิโกมีความได้เปรียบจากความร่วมมือในกรอบเขตการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ -แคนาดา -เม็กซิโกอยู่ ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ ดังกล่าว สะท้อนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันพร้อมจะใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือข่มขู่และกดดันประเทศต่าง ๆ เป็นอันดับแรก เพื่อให้ดำเนินนโยบายที่ตอบสนองผลประโยชน์ของสหรัฐฯ







