![]()

“Social Media” ที่เราคุ้นหูกัน หากจะเรียกตามราชบัณฑิตสถานกำหนดไว้ ก็จะเรียกว่า “สื่อสังคม”ซึ่งหมายถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสื่อกลางที่ให้บุคคลทั่วไปมีส่วนร่วมสร้างและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ อย่างไรก็ดี เกิดอะไรขึ้นกับแพลตฟอร์มออนไลน์ของ social media ที่มีรายงานมาโดยตลอดว่ากำลังถูกประเทศต่าง ๆ จำกัดการเข้าถึงอย่างจริงจัง เฉพาะอย่างยิ่งมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวที่อาจพูดได้ว่า แพลตฟอร์มออนไลน์คือส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว เช่น การติดต่อสื่อสาร การแสดงความเห็น สร้างเครือข่ายที่มีความเห็นร่วมกัน การซื้อ-ขายสินค้าหรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือระหว่างกัน
ในสหรัฐ ฯ วัยรุ่นชาวอเมริกันนิยมใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ของ social media เช่นกัน ซึ่งสถาบันวิจัย Pew (Pew Research Center) ที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ผลการสำรวจเมื่อ พฤศจิกายน 2568 โดยวัยรุ่นชาวอเมริกันส่วนใหญ่ (ร้อยละ 84) ใช้ YouTube รองลงไปคือ Facebook, Instagram, TikTok, WhatsApp, Reddit ,Snapchat X, Threads, Bluesky และTruth Social อย่างไรก็ดี แต่ละช่วงอายุก็มีผลต่อการเลือกใช้ social media เช่น กัน เช่น วัยรุ่นตอนต้น ๆ นิยมใช้ YouTube
แม้การใช้ social media จะเป็นประโยชน์ แต่การที่เยาวชนสามารถเข้าถึงการใช้ได้อย่างเสรี ตามกระแสการเติบโตของอินเทอร์เน็ต ทำให้นานาประเทศกังวลกับการที่เยาวชนจะถูกล่อลวง เช่น มาเลเซียได้เข้มงวดกับการที่เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี จะเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยตั้งแต่ 1 มกราคม 2569 ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มต้องใช้ระบบ electronic Know Your Customer (eKYC) ซึ่งเป็นระบบเปรียบเทียบใบหน้าผู้ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์กับเอกสารราชการ เช่น บัตรประชาชน และ หนังสือเดินทาง เป็นต้น นอกจากนี้ มาเลเซียยังให้ความสำคัญกับมาตรการทางสังคมที่สนับสนุนเด็กเล็กทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อลดการเล่น social media
ออสเตรเลียเข้มงวดกว่ามาเลเซีย โดยตั้งแต่ 10 ธันวาคม 2568 กฎหมายใหม่ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้ social media เพื่อสกัดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกของโลกที่บังคับใช้กฎหมายแบบนี้ และออสเตรียได้แจ้งเจ้าของแพลตฟอร์มล่วงหน้า ประมาณ 1 ปีแล้ว ซึ่งในห้วงนี้ ผู้ใช้แพลตฟอร์มจะได้รับข้อมูลข่าวสารเตือนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี กฎหมายดังกล่าวถูกบางกลุ่มวิจารณ์ว่าละเมิดเสรีภาพ เช่น มีรายงานว่ากลุ่ม Digital Freedom Project นำโดยเยาวชนอายุ 15 ปี จำนวน 2 คน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดของประเทศ เพื่อขอให้มีคำสั่งระงับการบังคับใช้กฎหมายนี้
การรักษาความสมดุลในการใช้โซเชียลมีเดียค่อนข้างยากระหว่างประโยชน์ที่ได้รับกับผลเสียที่จะตามมา เช่น อาจถูกใช้เป็นช่องทางเผยแพร่อุดมการณ์สุดโต่ง นอกจากนี้ ในบางประเทศดูเหมือนว่าจะเป็นข้อมูลที่ทรงพลังทางการเมือง เช่น กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ใช้ส่งสัญญาณในการดำเนินนโยบายทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ล่าสุดก็จะเห็นว่าสื่อมวลชน ผู้เชี่ยวชาญ และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลได้วิเคราะห์ไว้หลายปัจจัยที่ทำให้คะแนนนิยมในนายกรัฐมนตรี ของญี่ปุ่น จากหลายสำนัก ยังคงรักษาระดับสูงได้ต่อเนื่อง เฉลี่ยที่ร้อยละ 70 ปัจจัยหนึ่งในนั้นก็คือ การสื่อสารนโยบายทางการเมืองโดยตรงและรวดเร็วบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในแวดวงการเมืองญี่ปุ่น ทั้งยังมีกลุ่มแฟนคลับในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ติดตามสินค้าและไลฟ์สไตล์ของนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิดอีกด้วย







