![]()

สื่อต่างประเทศเมื่อ 18- 19 ธันวาคม 2568 รายงานการปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาลดลง แต่ทั้งสื่อตะวันตกและเอเชียกลับเน้นรายงานเฉพาะการปฏิบัติการทางอากาศของไทยอีกครั้ง ที่ใช้เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิดกาสิโน ที่กรุงปอยเปต ซึ่งเป็นแหล่งคลังอาวุธของกัมพูชา และรายงานอ้างรัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชาที่เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามไทยว่าเป็นการก่ออาชญากรรมทางสงคราม และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาก็ออกมาชี้ให้เห็นว่าการกระทำของไทยทำให้ชาวกัมพูชาเกิดผู้พลัดถิ่นมากกว่า 476,000 คน
สื่อต่างชาติ เช่น สื่อตุรกี และสื่อท้องถิ่นกัมพูชายังรายงานประเด็นที่ทำให้เกิดภาพเชิงบวกต่อกัมพูชาในเวทีโลก โดยรายงานการเดินขบวนเรียกร้องสันติภาพกลางกรุงพนมเปญ โดย Union of Youth Federations of Cambodia (UYFC) ซึ่งมีนายฮุนมานี เป็นหัวหน้ากลุ่มและเป็นน้องชายนายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นแกนนำในการเดินขบวนเรียกร้องสันติภาพ และให้มีการหยุดยิง จากที่เกิดการปะทะครั้งใหม่กับไทยตั้งแต่ 7 ธันวาคม 2568 สื่อรายงานว่า ชาวกัมพูชาที่เข้าร่วมมีจำนวนหลายพันคน
Volker Turk หัวหน้าข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Human Rights-UNHCR) ได้เรียกร้องให้ไทย-กัมพูชาหยุดหยิง เนื่องจากมีรายงานว่าสิ่งก่อสร้างทางวัฒนธรรม และหมู่บ้านต่าง ๆ ของชาวบ้าน ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติการทางอากาศ โดรน และการยิงปืนใหญ่ในการปะทะกัน ทั้งนี้กฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศมีความชัดเจนว่าต้องปกป้องประชาชน และโครงสร้างพื้นฐานของประชาชนในช่วงการสู้รบ
สื่อต่างประเทศรายงานกรณีที่จีนเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้เกิดการหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีนหารือทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองประเทศ รวมทั้งแสดงความกังวลว่า ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศจะมีผลต่อความเป็นหนึ่งเดียวและเอกภาพของอาเซียน นอกจากนี้ นายเติ้ง สีจุน ผู้แทนพิเศษด้านกิจการเอเชียของกระทรวงการต่างประเทศจีนได้เดินทางเยือนกัมพูชาและไทย เมื่อ 18 ธันวาคม 2568 สื่อรายงานท่าทีของนักวิเคราะห์ที่ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังให้ความสำคัญกับการสร้างสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน และการปิดล้อมเวเนซุเอลาที่อ้างประเด็นยาเสพติด ทำให้สนใจประเด็นอื่น ๆ เช่น กรณีไทย-กัมพูชา ลดลง







