![]()

นาย Antonio Costa ประธานสภาสหภาพยุโรประบุเมื่อ 19 ธันวาคม 2568 ว่า สหภาพยุโรปมีมติเห็นชอบทำข้อตกลงให้ยูเครนกู้เงินจำนวนอย่างน้อย 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 90,000 ล้านยูโร เพื่อใช้ในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งพัฒนากองทัพและต่อต้านการรุกรานจากรัสเซีย โดยสหภาพยุโรป (EU) จะสรรหาเงินทุนจากกองทุนต่าง ๆ ในกลไกของ EU เพื่อสนับสนุนให้ยูเครนเป็นระยะเวลา 2 ปี ด้านประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลสสกียินดีที่ EU จะสนับสนุนและช่วยเหลือยูเครนต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้นำยูเครนโน้มน้าวให้ EU จัดสรรความช่วยเหลือให้ยูเครน จากทรัพย์สินที่อายัดจากรัสเซียไว้ มูลค่าประมาณ 200,000 ล้านยูโร เพื่อเป็นการลงโทษรัสเซียที่ทำสงครามในยูเครน และมีความเคลื่อนไหวที่เป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคยุโรป
ความช่วยเหลือของ EU จะสามารถบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคงทางการเงินของยูเครนได้มาก เนื่องจากสภาวะสงครามที่ยาวนานยืดเยื้อ ทำให้รัฐบาลยูเครนเผชิญความเสี่ยงทีจะเผชิญวิกฤตทางการเงินอย่างรุนแรง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะแพ้ในการทำสงครามกับรัสเซีย ซึ่ง EU หารือกันเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งสมาชิกบางส่วนเสนอให้ใช้สินทรัพย์ที่อายัดได้จากรัสเซียไปสนับสนุนยูเครน แต่ความคิดเห็นของสมาชิก EU แตกต่างกันอย่างมากในประเด็นดังกล่าว ทำให้การหารือยืดเยื้อมาโดยตลอด
การเจรจาที่ยืดเยื้อในกลุ่มสมาชิก EU ทำให้สมาชิกบางส่วนมีมุมมองว่า EU กำลังอ่อนแอและทำให้รัสเซียเชื่อว่าจะไม่เผชิญมาตรการลงโทษจาก EU อย่างจริงจัง รวมทั้งทำให้ผู้นำสหรัฐฯ วิจารณ์ EU ว่าอ่อนแอและไม่มีเอกภาพ ดังนั้น EU จึงต้องตัดสินใจและได้ข้อสรุปที่จะช่วยเหลือยูเครนต่อไป
สำหรับสาเหตุที่ EU ไม่ใช้ทรัพย์สินที่อายัดจากรัสเซียไว้ได้ ไปช่วยเหลือยูเครน เนื่องจากสมาชิก EU บางส่วนไม่เห็นด้วย เพราะวิตกว่ารัสเซียจะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือฟ้องร้องและจะเป็นผลเสีย รวมทั้งจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับประเทศสมาชิก EU ขยายตัว ตลอดจนเสี่ยงตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางไซเบอร์หรือการแทรกแซงจากรัสเซียมากขึ้น โดยเฉพาะเบลเยียม ซึ่งมีรายงานว่าเป็นประเทศที่อายัดทรัพย์สินของรัสเซียไว้จำนวนมากที่สุด







