![]()

เมียนมาจัดการเลือกตั้งทั่วไประยะแรกเมื่อ 28 ธันวาคม 2568 โดยเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ แต่เผชิญกระแสวิจารณ์จากประชาชนและนานาชาติว่าไม่โปร่งใสและยุติธรรม เนื่องจากมีการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างเข้มงวด มีการกวาดล้างและจับกุมผู้ที่วิจารณ์การเมืองและการเลือกตั้งไปแล้วมากกว่า 200 คน ขณะที่ประชาชนมีข้อจำกัดในการเลือกผู้แทนทางการเมือง เพราะพรรคการเมืองฝ่ายค้านไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ รวมทั้งยังมีรายงานการก่อเหตุรุนแรงและการโจมตีระหว่างกองทัพกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในหลายพื้นที่ ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งในเมียนมาครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่ปลอดภัย
สหราชอาณาจักรและสภายุโรปไม่ยอมรับการเลือกตั้งในเมียนมา ขณะที่อาเซียนระบุว่าการเลือกตั้งในเมียนมาเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการทางการเมืองของเมียนมา สำหรับผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งในเมียนมา มีรายงานว่า มีประมาณ กว่า 160 คน ซึ่งมาจากหลายประเทศ เช่น จีน รัสเซีย เบลารุส คาซัคสถาน และสถานเอกอัครราชทูตประจำเมียนมา
ผู้นำรัฐบาลเมียนมาไม่สนใจกระแสวิจารณ์ดังกล่าวและเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ เป้าหมายเพื่อทำให้ระบบการเมืองเมียนมากลับสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบมีหลายพรรคการเมือง ทั้งนี้ พลเอกอาวุโส มินอ่องไลง์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปลงคะแนนเลือกตั้ง พร้อมกับให้สัมภาษณ์สำนักข่าว BBC ว่าเชื่อมั่นในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าจะยุติธรรมและเสรี รวมทั้งกระตุ้นให้ชาวเมียนมาออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตยในประเทศ
สื่อมวลชนต่างประเทศให้ความสนใจมุมมองของประชาชนชาวเมียนมาต่อการเลือกตั้ง โดยประชาชนที่ไปลงคะแนนเลือกตั้งเปิดเผยความรู้สึกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ เพราะรู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อได้ลงคะแนนเลือกตั้งแล้วก็รู้สึกสบายใจเพราะได้ทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ส่วนผู้ที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งครั้งแรก (first-time voter) ระบุว่าตัดสินใจไปลงคะแนนเลือกตั้ง เพราะหวังว่ารัฐบาลหลังจากการเลือกตั้งจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง และต้องการผู้นำที่สร้างความเท่าเทียมในประเทศ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าพรรค Union Solidarity and Development ได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะพรรคการเมืองคู่แข่งส่วนใหญ่ถูกตัดสิทธิ์และยุบพรรคไปแล้ว ขณะที่พรรค Union Solidarity and Development ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพและมีผู้แทนลงสมัครทั่วประเทศ สำหรับการเลือกตั้งในระยะที่ 2 จะมีขึ้นใน 11 และระยะ 3 ใน 25 มกราคม 2569 ขณะที่ในหลายพื้นที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะจัดการเลือกตั้งได้เมื่อใด เนื่องจากยังมีสถานการณ์สู้รบ







