![]()

สื่อต่างประเทศเมื่อ 30-31 ธันวาคม 2568 ลดการรายงานสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทยกับกัมพูชาอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังมีข้อมูลที่รายงานแล้ว ส่งเชิงลบต่อไทยอยู่ ได้แก่ การที่ไทยยังไม่ยอมส่งตัวเชลยศึกกัมพูชา จำนวน 18 คน โดยไทยอ้างว่า ยังมีโดรนของกัมพูชาละเมิดดินแดนไทยอยู่ ทั้งที่ฝ่ายกัมพูชาออกมายืนยันว่า ไม่ใช่ของกัมพูชา นอกจากนี้ ยังรายงานว่า ไทยไม่มีท่าทีตอบรับการประชุมคณะชายแดนไทยทั่วไป ที่กัมพูชาในต้นมกราคม 2569 ขณะที่สมเด็จฯ ฮุนเซนระบุว่า ต้องมีการเจรจาพื้นที่ที่ไทยยึดไปในการประชุมดังกล่าว เนื่องจากกัมพูชาไม่ยอมรับการยึดครองของไทย
อย่างไรก็ดี มีประเด็นวิเคราะห์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับบทบาทของจีน และสหรัฐฯ ในการเป็น “peacemaker”ในความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเน้นทิศทางไปที่แรงผลักดันของจีนมากกว่า โดยหยิบยกความสำเร็จของจีนที่สามารถทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย และกัมพูชาเดินทางไปหารือ 3 ฝ่าย ที่มณฑลยูนนานได้เมื่อ 28-29 ธันวาคม 2568 และสะท้อนให้เห็นวิธีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของแนวทางของจีนที่ดำเนินนโยบายแบบเงียบ ๆ มาก่อนหน้านี้ ซึ่งบทบรรณาธิการของ The Global Times สื่อของจีน เมื่อ 29 ธันวาคม 2568 ระบุว่า แนวทางของจีนต่างกับแนวทางของตะวันตกที่ใช้เงื่อนไขทางการเมือง และผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์
ด้านสื่อกัมพูชานอกจากรายงานเชิงบวกถึงการชื่นชมจีนในบทบาทครั้งนี้แล้ว ยังรายงานท่าทีของจีนที่สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งจีนยังเป็นหุ้นส่วนที่กัมพูชาไว้ใจมากที่สุด กัมพูชายังคัดค้านการประกาศเอกราชของไต้หวัน สื่อดังกล่าวยังรายงานท่าทีของจีนที่ต้องการให้กัมพูชาปกป้องชาวจีน และโครงการของจีนในกัมพูชา และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย จำนวน 2.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ให้ความช่วยเหลือต่อกัมพูชาในครั้งนี้
ขณะที่สื่อวิเคราะห์ถึงบทบาทของสหรัฐฯ ต่อความพยายามทำให้สันติภาพเกิดขึ้น แม้จะเห็นท่าทีของสหรัฐฯ ที่เข้ามา และประสบความสำเร็จที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายลงนามสันติภาพกันได้เมื่อกรกฎาคม 2568 แต่เห็นว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ดำเนินการอะไรต่อ ไปให้ความสำคัญกับผลักดันสันติภาพยูเครน-รัสเซียมากกว่า แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็โพสต์ในโซเชียลมีเดีย เมื่อ 28 ธันวาคม 2568 ที่ยินดีว่าข้อสรุปได้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรม รวมทั้งตนเองรู้สึกว่าภูมิใจที่มีส่วนช่วยให้เกิดขึ้น พร้อมกับวิจารณ์บทบาทของสหประชาชาติที่ช่วยยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในโลกซึ่งสหรัฐฯ แสดงบทบาทได้ดีกว่า







