ทั่วโลกติดตามพัฒนาการสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอิหร่านประกาศจะตอบโต้สหรัฐฯ หลังจากสหรัฐฯ ปฏิบัติการทิ้งระเบิดโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน เมื่อ 21 มิถุนายน 2568 แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานความเสียหายที่ชัดเจน ล่าสุดเมื่อ 22 มิถุนายน 2568 อิหร่านยืนยันแล้วว่าโรงงานนิวเคลียร์ทั้ง 3 แห่ง เป็นเป้าหมายการโจมตีโดยสหรัฐฯ แต่ยังไม่มีกัมมันตรังสีรั่วไหล นอกจากนี้ อิหร่านประณามการโจมตีของสหรัฐฯ ว่าเป็นการทำสงคราม สร้างอันตรายอย่างมากต่อภูมิภาค และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งกฎบัตรสหประชาชาติ
นาย Abbas Araghchi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านโจมตีรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า ทำลายช่องทางการทูตระหว่างประเทศ เพราะการโจมตีครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการเจรจาข้อตกลงและความร่วมมือนิวเคลียร์ และระบุว่าอิหร่านจะทำทุกวิธีเพื่อปกป้องความมั่นคงปลอดภัยและผลประโยชน์ของประชาชน ด้านประธานาธิบดีอิหร่านร่วมประณามสหรัฐฯ จะสะท้อนว่าการโจมตีครั้งนี้ตอกย้ำชัดเจนว่าสหรัฐฯ สนับสนุนอิสราเอล และต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอิหร่าน ขณะที่นาย Amir Saeid Iravani ออท.อิหร่าน/สหประชาชาติเรียกร้องให้มีการประชุมวาระฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ใน 22 มิถุนายน 2568 เพื่อหารือประเด็นนี้โดยเฉพาะ
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงงานนิวเคลียร์ Fordo ทางตอนใต้ของกรุงเตหะรานที่เป็นโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมใต้ดินนั้น ปัจจุบันยังไม่มีรายงานข้อมูลเชิงลึก แต่อิหร่านยืนยันว่าไม่ได้รับความเสียหายที่รุนแรงจากการโจมตีของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้อำนวยการองค์การทบวงปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ให้ความเห็นสอดคล้องกับอิหร่านว่ายังไม่พบว่าโรงงานดังกล่าวได้รับความเสียหายในระดับที่เป็นอันตราย
นานาชาติวิตกว่าอิหร่านจะตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุส ที่เป็นเส้นทางการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญ โดยเฉพาะน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 6 เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางตึงเครียดสูง ปัจจุบันรัฐสภาอิหร่านเห็นชอบแล้ว รอเพียงสภาแห่งชาติเห็นชอบก็มีผลทันที ทั้งนี้ทุกฝ่ายในอิหร่านสนับสนุนให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมทั้งผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ตัดสินใจปิดช่องแคบฮอร์มุสโดยเร็ว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อทำลายโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านที่จะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงโลก และสหรัฐฯ ไม่มีเจตนาจะเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในอิหร่าน แต่ก็โพสต์เล่นคำว่า ต้องการให้ “MAKE IRAN GREAT AGAIN” แต่หากอิหร่านทำไม่ได้ ก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือ Regime Change ในอิหร่านขึ้นได้
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อ 22 มิถุนายน 2568 ยกระดับการแจ้งเตือนการเดินทางทั่วโลก (Worldwide Caution) เพื่อรับมือหากอิหร่านตอบโต้หรือแก้แค้นผลประโยชน์ของสหรัฐฯ โดยตรง เฉพาะอย่างยิ่งชาวอเมริกันทั่วโลก และฐานทัพของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เสี่ยงตกเป็นเป้าหมายอันดับแรก ๆ ทั้งฐานทัพของสหรัฐฯ ในอิรัก ซีเรีย คูเวต บาห์เรน กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย โอมาน และจิบูตี อย่างไรก็ตาม ฐานทัพของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียมีความเสี่ยงสูงที่สุด เพราะอิหร่านน่าจะไม่ต้องการโจมตีในประเทศอาหรับ เพราะจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง