ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หารือกับนายมาร์ค รุตเตอร์ เลขาธิการเนโตเมื่อ 14 กรกฎาคม 2568 พร้อมเปิดเผยนโยบายเพิ่มความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครน โดยระบุว่าจะให้สมาชิกเนโตซื้อยุทโธปกรณ์สำคัญด้านการป้องกันภัยทางอากาศ หรือระบบ Patriot รวมทั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธจากสหรัฐฯ เพื่อมอบให้ยูเครน ซึ่งบริษัทผู้ผลิตอาวุธของสหรัฐฯ มีความพร้อมสนับสนุนนโยบายนี้อย่างมาก นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังประกาศว่าจะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ด้านเลขาธิการเนโตเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มงบประมาณด้านการทหารเพื่อช่วยเหลือยูเครนด้วย นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อความร่วมมือในกลุ่มพันธมิตรเนโตและรักษาเอกภาพของกลุ่ม
การเปลี่ยนแปลงท่าทีและทิศทางดำเนินนโยบายของผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญ เพราะก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์วิจารณ์การให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครนเชิงลบ ด้านนักวิเคราะห์ต่างประเทศเชื่อว่าการเจรจากับรัสเซียเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้นำสหรัฐฯ เปลี่ยนใจ เพราะการเจรจาไม่เป็นผล ทำให้ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการทำให้รัสเซียเห็นว่าจะได้รับผลกระทบหากไม่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ด้านประเทศยุโรปพอใจกับการเปลี่ยนแปลงท่าทีดังกล่าว และพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อเสริมขีดความสามารถด้านการทหารแก่ยูเครนทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ
หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่านายรุตเตอร์ เลขาธิการเนโต เป็นผู้มีอิทธิพลต่อมุมมองของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในกรณีนี้ หรือได้ฉายาว่า “Trump whisperer” เนื่องจากในระหว่างที่นายนายรุตเตอร์เคยดำรงตำแหน่งผู้นำเนเธอร์แลนด์ ได้เยือนสหรัฐฯ และพบหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ในช่วงรับตำแหน่งสมัยแรกบ่อยครั้ง มีรายงานว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิดกับผู้นำสหรัฐฯ นอกจากนี้ หลังจากรับตำแหน่งเลขาธิการเนโตเมื่อ ตุลาคม 2567 นายรุตเตอร์แสดงความคิดเห็นในเชิงบวกต่อท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมทั้งเคยเรียกประธานาธิบดีทรัมป์ ว่า “Daddy” จึงคาดว่านายรุตเตอร์น่าจะได้รับความไว้วางใจจากผู้นำสหรัฐฯ อย่างมาก
นอกจากการเพิ่มความช่วยเหลือแก่ยูเครน สหรัฐฯ ยังกดดันรัสเซียควบคู่ไปด้วย โดยผู้นำสหรัฐฯ ประกาศจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากรัสเซียอัตราร้อยละ 100 โดยให้เวลารัฐบาลรัสเซีย 50 วันต่อจากนี้ เพื่อพิจารณาทำข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ จะมีมาตรการคว่ำบาตรประเทศอื่น ๆ ที่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียด้วย ทั้งนี้ คาดว่าผู้นำสหรัฐฯ ต้องการให้กระบวนการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนมีความคืบหน้า เพราะเป็นนโยบายสำคัญที่ประกาศไว้ว่าจะแก้ไขให้สำเร็จภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับตำแหน่ง
นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯ ให้สมาชิกเนโตซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ไปมอบให้ยูเครน เป็นแนวทางรักษาบทบาทของสหรัฐฯ ควบคู่กับลดกระแสวิจารณ์จากนักการเมืองในสหรัฐฯ ที่มีมุมมองว่าประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้สหรัฐฯ มีบทบาทน้อยลงในสถานการณ์ความขัดแย้งที่สำคัญของโลก และอาจส่งผลกระทบต่อบทบาทมหาอำนาจโลก