ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนระบุเมื่อ 19 กรกฎาคม 2568 ว่า พร้อมจะเจรจาสันติภาพกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย โดยมอบหมายให้นาย Rustem Umerov ผู้แทนสภาความมั่นคงของยูเครนเสนอการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้ง 2 เพื่อเจรจากันในห้วงสัปดาห์หน้า พร้อมกันนี้ประธานาธิบดี เซเลนสกี ย้ำว่าการเจรจาครั้งนี้ต้องบรรลุผลที่สำคัญ เฉพาะอย่างยิ่งการทำข้อตกลงหยุดยิง อย่างไรก็ตาม ผู้นำยูเครนย้ำว่าต้องเป็นการเจรจาระหว่างผู้นำประเทศเท่านั้น จึงจะนำไปสู่สันติภาพระยะยาวได้ ซึ่งรัสเซียต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจ แต่ปัจจุบันยังไม่มีท่าทีตอบรับจากฝ่ายรัสเซีย
ท่าทีดังกล่าวมีความสำคัญต่อทิศทางสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน เนื่องจากการเจรจาสันติภาพระหว่างทั้ง 2 ประเทศหยุดชะงักและไม่มีความคืบหน้ามาตั้งแต่มิถุนายน 2568 นอกจากนี้ ยังสะท้อนว่ายูเครนพยายามส่งสัญญาณให้นานาชาติเห็นว่าเป็นฝ่ายต้องการสันติภาพ และมีการเตรียมพร้อมเพื่อการเจรจาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าเป็นโอกาสที่ผู้นำยูเครนจะทำให้นานาชาติให้การสนับสนุน ก่อนหน้านี้ ผู้นำยูเครนแต่งตั้งนาย Rustem Umerov อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้อำนวยการสภาความมั่นคงและการป้องกันประเทศ เพื่อให้เป็นผู้แทนประสานงานการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย เนื่องจากเป็นผู้มีประสบการณ์สูง
แนวโน้มและทิศทางการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซียยังไม่แน่นอน เพราะต้องรอการตอบรับจากรัสเซีย ซึ่งที่ผ่านมา รัสเซียเสนอเงื่อนไขที่ยูเครนไม่สามารถยอมรับได้ ทั้งเรื่องการปลดปล่อยดินแดน 4 แคว้นในยูเครนให้อยู่ภายใต้อธิปไตยของรัสเซีย หรือการห้ามไม่ให้ยูเครนรับความช่วยเหลือด้านการทหารจากประเทศตะวันตก อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกอาจได้เห็นความพยายามในการเจรจากันระหว่างยูเครนและรัสเซียอีกครั้ง พิจารณาจากการที่ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเปิดเผยเมื่อ 18 กรกฎาคม 2568 ว่าเห็นด้วยกับยูเครนว่าทั้ง 2 ฝ่ายควรมีการเจรจากันต่อไป
แม้จะมีสัญญาณเชิงบวกว่ารัฐบาลยูเครนและรัสเซียอาจเจรจากันเร็ว ๆ นี้ แต่สถานการณ์การสู้รบในสมรภูมิยังดำเนินต่อไป โดยเฉพาะรัสเซียเป็นฝ่ายโจมตียูเครนด้วยอากาศยานไร้คนขับและขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง และรุนแรง จนอาจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ประธานาธิบดียูเครนตัดสินใจยื่นข้อเสนอก่อน เพื่อให้รัสเซียลดระดับการปฏิบัติการโจมตี
บทบาทของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ขู่เมื่อกลาง กรกฎาคม 2568 ว่าจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย และสนับสนุนระบบป้องกันภัยทางอากาศให้ยูเครน อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ยูเครนและรัสเซียทบทวนการเจรจาสันติภาพรระหว่างกันโดยเร็ว เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ยื่นเงื่อนไขให้ทั้ง 2 ประเทศเจรจากันให้มีความคืบหน้าและมีข้อตกลงหยุดยิงภายใน 50 วัน ไม่เช่นนั้นสหรัฐฯ จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและประเทศที่ยังค้าขายกับรัสเซียด้วย