การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลในอินโดนีเซียที่มีจุดเริ่มต้นเมื่อ 25 สิงหาคม 2568 มีแนวโน้มยืดเยื้อ จากประชาชนที่ไม่พอใจนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล และมีความรุนแรงเกิดขึ้นในการปราบปรามการชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 ราย จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สถานการณ์การชุมนุมตึงเครียดขึ้น คือ กรณีนาย Affan Kurniawan ชายชาวอินโดนีเซียผู้ประกอบอาชีพขับรถรับจ้างในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย เสียชีวิตระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปราบปรามผู้ชุมนุมเมื่อ 29 สิงหาคม 2568 ทั้งที่ไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมและอยู่ระหว่างปฏิบัติงาน
เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจรัฐบาลอย่างมากและออกไปรวมตัวกัน เพื่อคัดค้านมาตรการของรัฐบาลที่ใช้ความรุนแรง รวมทั้งโจมตีรัฐบาลว่ามีนโยบายเอื้อประโยชน์ให้นายทุนและทหาร มากกว่าประชาชน ไม่ให้ความเท่าเทียมต่อประชาชน และตัดลดงบประมาณด้านการศึกษา
การชุมนุมดังกล่าวได้รับความสนใจจากประชาชนในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ รวมทั้งไทย ส่วนสถานเอกอัครราชทูตจีน ณ กรุงจาการ์ตา ได้ให้ชาวจีนและหน่วยงานของจีนในอินโดนีเซียเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย กรณีเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในหลายเมืองของอินโดนีเซีย โดย ให้ชาวจีนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อยู่ห่างจากจุดชุมนุม และขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลทันที หากเกิดเหตุร้าย
สำหรับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถรับจ้างบริษัท Grab และ Gojek ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงในอินโดนีเซีย ตลอดจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มแรงงานที่ไม่ได้รับสวัสดิการจากรัฐที่ดีพอ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ ปัจจุบันมีการใช้ #SEAblings ในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสนับสนุนความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ให้สนับสนุนผู้ชุมนุมในอินโดนีเซียด้วยการสั่งอาหารและบริการผ่านแอปพลิเคชัน Grab และ Gojek ในอินโดนีเซีย เพื่อเป็นรายได้และมอบการสนับสนุนให้กับผู้ชุมนุมด้วย
ประธานาธิบดีปราโบโว สุเบียนโต และผู้บัญชาการตำรวจอินโดนีเซียแสดงความเสียใจกับผู้ที่ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ชุมนุมครั้งนี้ และประธานาธิบดีสุเบียนโตเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล แต่ประกาศเมื่อ 2 กันยายน 2568 ว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่งตามการเรียกร้อง รวมทั้งจะดำเนินการอย่างแข็งกร้าวต่อผู้ที่มีพฤติกรรมก่อการร้ายหรือก่อกบฏ พร้อมประกาศมาตรการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ทำลายสถานที่ราชการและสาธารณะ เช่น สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยิ่งทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ และมีการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองสำคัญของประเทศ เช่น บันดุง และยอกยาการ์ตา เป็นต้น
ผู้เชี่ยวชาญการเมืองอินโดนีเซียประเมินว่ารัฐบาลยังมีโอกาสแก้ไขปัญหาการชุมนุมครั้งนี้ ด้วยการเร่งปราบปรามการคอร์รัปชันและสืบสวนการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมในครั้งนี้ อย่างโปร่งใสและจริงจัง เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นและความนิยมทางการเมือง อย่างไรก็ดี การที่ผู้นำอินโดนีเซียตัดสินใจเดินทางเยือนจีน เพื่อเข้าร่วมพิธีสวนสนามทางทหารรำลึกครบรอบ 80 ปี วันแห่งชัยชนะ ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง เมื่อ 3 กันยายน 2568 เพื่อคงบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งที่สถานการณ์ในประเทศค่อนข้างตึงเครียด ยิ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจมากขึ้น เพราะสะท้อนว่าผู้นำประเทศไม่สนใจการเรียกร้องของประชาชนในประเทศ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยกเลิกการเยือน และส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่เทียนจิน เมื่อ 1 กันยาย 2568
ประธานาธิบดีสุเบียนโตยังไม่มีกำหนดยกเลิกการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 (UNGA80) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ใน 23 กันยายน 2568 ซึ่งจะมีกำหนดจะกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมด้วย ซึ่งประธานาธิบดีสุเบียนโตอาจใช้โอกาสดังกล่าวพบหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ด้วย