ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (Department of Defense) เป็นกระทรวงสงคราม (Department of War) เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของหน่วยงานให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะชื่อกระทรวงกลาโหมค่อนข้างจากมีนัยการป้องกันประเทศ มากกว่าการโจมตี เพื่อความมั่นคงของประเทศศ นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ เชื่อว่า การเปลี่ยนชื่อกระทรวงจะให้ชาวอเมริกันมีความภูมิใจ รวมทั้งย้อนถึงช่วงเวลาที่สหรัฐฯ ได้รับชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ที่ใช้ชื่อกระทรวงสงคราม
ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งผู้บริหาร เมื่อ 5 กันยายน 2568 เสนอการปรับเปลี่ยนชื่อดังกล่าว กลับไปเป็นชื่อเดิม คือ กระทรวงสงคราม และยังจะเป็นคำสั่งผู้บริหารฉบับที่ 200 ของประธานาธิบดีทรัมป์ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวถึงแนวคิดการเปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหมตั้งแต่ 25 สิงหาคม 2568 ในการสัมภาษณ์ที่ สนข.Fox News พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ จะสนับสนุนแนวคิดนี้ด้วย
การเปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหมเป็นกระทรวงสงคราม จะต้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติดำเนินการตามกฎหมาย ถึงจะมีผลอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ทุกชื่อที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหมเดิมก็เปลี่ยนไปเป็นกระทรวงสงครามแล้ว ทั้งที่ทำงานกระทรวง และในเว็บไวต์ก็เปลี่ยนจาก defense.gov เป็น war.gov รวมทั้งชื่อตำแหน่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ด้านนาย Pete Hegseth รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเคยแสดงความคิดเห็นสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงชื่อกระทรวง เนื่องจากสะท้อนถึงความเป็นนักรบที่เข้มแข็งและได้เปรียบศัตรู รวมทั้งมั่นใจว่าการเปลี่ยนชื่อจะส่งผลต่อวัฒนธรรมการทำงานของกระทรวงด้วย หลังจากนี้ นาย Hegseth จะต้องดำเนินการเสนอให้ฝ่ายนิติบัญญัติดำเนินการเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการต่อไป
ที่ผ่านมา ฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ จะเป็นผู้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงชื่อกระทรวงที่ทำหน้าที่ป้องกันประเทศและดูแลกิจการด้านการทหาร โดยสหรัฐฯ เคยใช้ชื่อกระทรวงสงคราม หรือ Department of War เมื่อปี 2332 จากนั้นเปลี่ยนชื่อเป็น Department of Defense เมื่อปี 2492 ในสมัยอดีตประธานาธิบดี Harry Truman ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในชื่อ Pentagon เนื่องจากอาคารสำนักงานกระทรวงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีรูปแบบ 5 เหลี่ยม
มุมมองของสื่อมวลชนสหรัฐฯ ปัจจุบันเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงชื่อกระทรวงกลาโหมต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก และเชื่อมโยงว่าผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเปลี่ยนแปลงชื่อกระทรวงกลาโหมในห้วงเวลานี้ เพื่อส่งสัญญาณให้นานาชาติเห็นว่าสหรัฐฯ ยังมีความเข้มแข็งทางการทหาร และพร้อมแสดงขีดความสามารถดังกล่าว หลังจากจีนจัดพาเหรดทางการทหารแสดงอาวุธและยุทโธปกรณ์ใหม่เมื่อต้น กันยายน 2568 ในวัน Victory Day ที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมาก
ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความมุ่งมั่นว่า การใช้ชื่อกระทรวงสงครามจะสะท้อนให้เห็นการทำงานเชิงรุกของสหรัฐฯ มากกว่าเชิงป้องกันและเชิงรับ รวมทั้งย้ำว่า สหรัฐฯ ในห้วงสมัยของตนให้ความสำคัญอยู่กับ 2 ประเด็น คือ ความแข็งแกร่ง และการค้า (strength and trade)