คณะกรรมการกำกับดูแลการคลังของรัฐสภา เมื่อ 18 กันยายน 2568 อนุมัติแผนการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2569 รวม 3,842.7 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 233,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าข้อเสนอแรกของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโตเสนอต่อรัฐสภาเมื่อสิงหาคมถึง 56.2 ล้านล้านรูเปียห์ และสูงกว่างบประมาณการรายจ่ายรวมสำหรับปี 2568 ประมาณร้อยละ 9 โดยการคาดการณ์ว่าการขาดดุลการคลังจะอยู่ที่ร้อยละ 2.68 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งต่ำกว่าเพดานที่กฎหมายอินโดนีเซียกำหนดที่ร้อยละ 3
รัฐบาลภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีปราโบโว ประกาศนโยบายสำคัญไว้หลายประการ เช่น โครงการอาหารกลางวันและโภชนาการฟรี ซึ่งเป็นโครงการเรือธงของประธานาธิบดีปราโบโวที่จะจัดอาหารฟรีให้กับนักเรียน เด็ก และสตรีมีครรภ์ ได้รับงบประมาณจำนวนมากถึง 335 ล้านล้านรูเปียห์ โครงการความมั่นคงด้านอาหาร ที่มีการจัดสรรงบประมาณ 164.4 ล้านล้านรูเปียห์ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพึ่งพาตนเองด้านอาหาร โดยเฉพาะข้าวและข้าวโพดโครงการความมั่นคงด้านพลังงาน งบประมาณ 402.4 ล้านล้านรูเปียห์ จะถูกใช้ในการสนับสนุนด้านพลังงาน รวมถึงการเพิ่มการผลิตน้ำมันและก๊าซ และ การจัดสรรงบประมาณด้านกลาโหมได้รับการให้ความสำคัญสูง เพื่อสร้างขีดความสามารถในการป้องกันประเทศและรักษาบูรณภาพแห่งดินแดน
การจัดสรรงบประมาณปี 2569 น่าจับตามองภายหลังเกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาล เมื่อสิงหาคม 2568 ทำให้ตลาดการเงินเกิดความไม่สงบ นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างจับตาดูแผนการคลังของอินโดนีเซีย รวมถึงกรณีที่ ศรี มุลยาณี อินทราวตี อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อต้นกันยายน 2568 ภายหลังอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวยาวนานกว่า 14 ปี และได้ ปูร์บายา ยูดีห์ ซาเดวา ขึ้นมาเป็น รมว.การคลังคนใหม่ ซึ่งต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการตั้งแต่การสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดเงินทั้งภายในและนอกประเทศ ไปจนถึงการรักษาวินัยการคลัง ท่ามกลางแรงกดดันจากประธานาธิบดี ทั้งนี้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ปี 2569 ไว้ที่ร้อยละ 5.4 และสูงสุดที่ร้อยละ 8 ในปี 2572 ตลอดระยะเวลาภายใต้การบริหาร 5 ปี
สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาวงเงินงบประมาณปี 2569 ดังกล่าวใน 23 กันยายน 2568 ซึ่งการที่รัฐบาลพรรคร่วมของประธานาธิบดีปราโบโวครองเสียงข้างมากอย่างท่วมท้น ทำให้คาดว่าจะได้รับการอนุมัติอย่างราบรื่น ซึ่งจะเป็นวงเงินสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพื่อสนับสนุนนโยบายหลักของประธานาธิบดีปราโบโว เฉพาะอย่างยิ่งโครงการอาหารกลางวันฟรี ความมั่นคงด้านอาหาร และการเสริมสร้างศักยภาพด้านกลาโหม แม้ว่าการขาดดุลงบประมาณจะขยายตัวขึ้น แต่รัฐบาลยืนยันว่าการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้มีความจำเป็นต่อการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ