![]()

สื่อมวลชนต่างประเทศรายงานเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2568 ว่า กองทัพเมียนมาปฏิบัติการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ ที่ตั้งฐานบริเวณริมชายแดนฝั่งตะวันออกของประเทศ หรือชายแดนเมียนมา-ไทย โดยกองทัพเมียนมาสามารถควบคุมตัวผู้กระทำความผิดได้อย่างน้อย 346 คน เป็นชาวต่างชาติ พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการหลอกลวงออนไลน์ได้อย่างน้อย 10,000 เครื่อง กองทัพเมียนมาระบุว่ากองกำลังชนกลุ่มน้อยเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง คุ้มครองและอำนวยความสะดวกให้อาชญากรออนไลน์เข้าไปตั้งฐานและก่ออาชญากรรม แลกกับผลประโยชน์ คือ รายได้
การปฏิบัติการกวาดล้างของเมียนมาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของรัฐบาลเมียนมาที่ต้องการกำจัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มอาชญากรที่ใช้เมียนมาเป็นศูนย์กลางสแกมเมอร์ เนื่องจากส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศและทำให้เสี่ยงเผชิญการคว่ำบาตรจากนานาชาติมากขึ้น รวมทั้งต้องการให้นานาชาติมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อเมียนมาที่กำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปใน ธันวาคม 2568
สำหรับปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ 18 พฤศจิกายน 2568 ที่เมืองชเวโกะโก (Shwe Kokko) รัฐกะเหรี่ยง มีพื้นที่ติดกับจังหวัดตากของไทย โดยสื่อรายงานเพิ่มเติมว่า บริษัท Yatai ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกัมพูชาและจีน และเกี่ยวข้องกับนายเฉอ จื้อเจียง นักธุรกิจจีน ทีเป็นผู้ต้องหาเครือข่ายสแกมเมอร์ระดับโลก มีส่วนเกี่ยวข้องกับศูนย์สแกมเมอร์ในเมืองชเวโกะโก สะท้อนว่าเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ของชาวจีนในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ลาว กัมพูชา เมียนมาและไทย ขยายตัวและเชื่อมโยงกันอย่างมาก เฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19
รัฐบาลเมียนมาเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและดำเนินคดีต่อเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ โดยเมื่อตุลาคม 2568 ได้ปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ในพื้นที่ “KK Park” เมืองเมียวดี ซึ่งเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมที่มีทั้งการค้ามนุษย์และสแกมเมอร์ เพราะเมียนมาเผชิญแรงกดดันจากทั้งจีนและสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลและกองทัพเมียนมาผ่อนปรนให้กองกำลังชนกลุ่มน้อยควบคุมพื้นที่บางส่วนเพื่อจัดสรรอำนาจการปกครองและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แต่มีรายงานว่าชนกลุ่มน้อยใช้ประโยชน์จากความร่วมมือกับกลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ที่เข้าไปตั้งฐานดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ โดยมีแรงงานต่างชาติบางส่วนที่ยินยอมเข้าไปทำงาน ขณะที่บางส่วนเป็นแรงงานที่ถูกหลอกผ่านเครือข่ายค้ามนุษย์
การปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ในเมียนมาแต่ละครั้งจะทำให้มีผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมดังกล่าวพยายามหลบหนีไปยังไทย โดยใช้ช่องทางและวิธีการที่ผิดกฎหมาย ทำให้สถานการณ์การเข้าเมืองผิดกฎหมายบริเวณชายแดนไทย-เมียนมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีรายงานว่าเครือข่ายสแกมเมอร์อาจจะใช้ไทย เฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชายแดนที่ฐานสแกมเมอร์เพิ่มขึ้น







