สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อ 26 ก.พ.68 ว่า สหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงกับยูเครน ให้สหรัฐฯ ได้รับส่วนแบ่งจากอุตสาหกรรมแร่ธาตุธรรมชาติในยูเครน โดยเจ้าหน้าที่ของยูเครน เปิดเผยว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อความมั่นคงและสันติภาพของยูเครน ทั้งนี้ ปัจจุบันสหรัฐฯ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดข้อตกลงหรือแสดงท่าทีต่อประเด็นดังกล่าว แต่มีรายงานว่า ประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky ของยูเครนจะเยือนสหรัฐฯ ใน 28 ก.พ.68 เพื่อพบหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งระบุว่ายินดีที่ประธานาธิบดียูเครนจะมาเยือน เพื่อลงนามในข้อตกลงระหว่างกัน สำหรับข้อตกลงดังกล่าวอาจมีนัย หรือสอดแทรกว่ายูเครนจะมอบส่วนแบ่งจากการดำเนินอุตสาหกรรมแร่หายาก (rare earth) ในยูเครนให้กับสหรัฐฯ เพื่อชดเชยความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ ให้กับยูเครนก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า สหรัฐฯ จะค้ำประกันความมั่นคงในยูเครน
ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยฟื้นฟูบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับยูเครน จากที่ก่อนหน้านี้ค่อนข้างตึงเครียด จากการที่ประธานาธิบดียูเครนปฏิเสธข้อเสนอของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้ยูเครนแบ่งรายได้จากอุตสาหกรรมแร่ธรรมชาติมูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้สหรัฐฯ เพื่อแลกกับการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ การที่ผู้นำยูเครนปฏิเสธข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากมองว่ายูเครนต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และต้องทำทุกอย่างตามที่ผู้นำสหรัฐฯ เสนอ ทำให้ผู้นำสหรัฐฯ ไม่พอใจอย่างมาก ตามมาด้วยการประกาศจะเจรจากับรัสเซียเรื่องสันติภาพในยูเครน โดยไม่ให้ผู้แทนฝ่ายยูเครนเข้าร่วม ตลอดจนโจมตีผู้นำยูเครนว่าเป็นผู้เริ่มสงคราม และเป็นเผด็จการ
มีรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้ยูเครนให้สิทธิรัฐบาลสหรัฐฯ ควบคุมกิจการสำรวจและผลิตแร่หายากบางส่วนในยูเครนด้วย เพื่อชดเชยที่สหรัฐฯ ช่วยเหลือยูเครนมาตลอดตั้งแต่มีสงคราม มูลค่าประมาณ 300,000 – 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้นำยูเครนมีมุมมองว่าข้อตกลงดังกล่าวเท่ากับการขายชาติ จึงไม่ยอมรับข้อเสนอสำหรับยูเครนมีแร่หายากสำคัญ ๆ ได้แก่ ลิเธียม ไทเทเนียม กราไฟท์ถ่านหิน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งมีแร่หายาก ซึ่งเป็นแร่สำคัญในอุตสาหกรรมอาวุธและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย สำหรับท่าทีรัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูตินระบุเมื่อ 25 ก.พ.68 ว่า ไม่กังวลเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างยูเครนกับสหรัฐฯ เนื่องจากยังมีความไม่ชัดเจน เช่น ไม่มั่นใจว่าข้อตกลงดังกล่าวจะคุ้มค่า เพราะแร่หายากในยูเครนอาจไม่มีอยู่จริง ทั้งนี้ พื้นที่แร่ธาตุสำคัญของยูเครนส่วนหนึ่งอยู่ในภาค ตอ.ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันบางส่วนอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย
การที่ยูเครนปรับท่าทีต่อนโยบายกดดันของผู้นำสหรัฐฯ สะท้อนว่ายูเครนยังต้องการให้สหรัฐฯ สนับสนุนเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากรัสเซีย ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประสบความสำเร็จในการกดดันยูเครน จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดนี้ใช้เทคนิคการกดดันต่างประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และชาวอเมริกัน หรือ America First ต่อไป