ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อ 19 มีนาคม 2568 เปิดเผยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมลงนามในคำสั่งผู้บริหารเพื่อเริ่มกระบวนการยุบกระทรวงศึกษาธิการ (Department of Education) ของสหรัฐฯ ใน 20 มีนาคม 2568 และจะให้อำนาจรัฐต่าง ๆ บริหารจัดการการศึกษาเอง โดยประธานาธิบดีทรัมป์มีแผนการจะลงนามในคำสั่งดังกล่าวร่วมกับผู้ว่าการรัฐจากรัฐเทกซัส อินดิแอนา ฟลอริดา และโอไฮโอ
ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่าจะยุบกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ตั้งแต่ห้วงกุมภาพันธ์ 2568 แต่ต้องรอให้ Linda McMahon ได้รับการเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งการให้ลดจำนวนเจ้าหน้าที่และพนักงานในกระทรวงดังกล่าวแล้ว โดยปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 2,100 คน ลดลงจาก 4,100 คน เมื่อต้นปี 2568 ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ เป็นกระทรวงที่มีขนาดเล็กที่สุดของระดับกระทรวงทั้งหมดของสหรัฐฯ
แนวคิดปฏิรูประบบราชการและลดจำนวนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในกระทรวงต่าง ๆ ทำให้สมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติบางส่วนไม่เห็นด้วยกับคำสั่งผู้บริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ เนื่องจากทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากได้รับผลกระทบ และจากผลสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันพบว่าร้อยละ 63 ไม่เห็นด้วยกับการยุบกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการลดงบประมาณและลดเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลในครั้งนี้รวมตัวกันชุมนุมประท้วงคัดค้านการยุบกระทรวง
ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้เหตุผลการสั่งยุบกระทรวงดังกล่าวว่าเป็นเพราะไม่มีผลงานการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมหรือประสบความสำเร็จเลย ตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2522 ทั้งที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไปแล้วมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจากการประเมินคุณภาพการศึกษาและศักยภาพของนักเรียนในสหรัฐฯ พบว่าอยู่ในภาวะวิกฤต และถดถอย ดังนั้น การสั่งยุบกระทรวงศึกษาจะเป็นการคืนอำนาจให้กับรัฐต่าง ๆ รวมทั้งชุมชนในการเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสั่งยุบกระทรวงศึกษาธิการอาจมีผลกระทบต่องบประมาณสนับสนุนโครงการการศึกษาในรัฐต่าง ๆ เพราะที่ผ่านมา กระทรวงดังกล่าวมีหน้าที่หลักด้านการสนับสนุนเงินทุนให้โครงการศึกษาให้วิทยาลัยและโรงเรียนทั่วประเทศ เก็บรวบรวมข้อมูลด้านการศึกษา และดูแลโครงการให้เงินกู้เพื่อการศึกษา ซึ่งอาจต้องคัดเลือกหน่วยงานอื่นมาดูแลแทน นอกจากนี้ การยุบกระทรวงศึกษาธิการอาจส่งผลกระทบต่อการกำหนดหลักเกณฑ์และระเบียบในสถานศึกษา เช่น การให้บริการแก่ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อปี 2566 เคยลงมติเห็นชอบให้ยุบกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ แต่อดีตประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดนคัดค้าน และ ส.ส.พรรครีพับลิกันในขณะนั้น 60 คน อยู่ฝ่ายเดียวกับ สส.พรรคเดโมแครตที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับความเป็นไปได้ในการยุบกระทรวงศึกษาธิการต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาสหรัฐฯ ก่อน และคำสั่งฝ่ายบริหารที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะลงนามนั้น เป็นการเริ่มต้นกระบวนการยุบกระทรวงศึกษาธิการระดับสหพันธ์ เพื่อให้ระดับรัฐดำเนินการเอง