ชาวอเมริกันในหลายพื้นที่รวมตัวกันชุมนุมประท้วงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายอีลอน มัสก์ ที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐฯ และบุคคลใกล้ชิดเมื่อ 6 เมษายน 2568 โดยมีรายงานการชุมนุมประท้วงในมากกว่า 1,200 จุดทั่ว 50 รัฐ พื้นที่ที่มีผู้ชุมนุมจำนวนมาก ได้แก่ เมืองบอสตัน ชิคาโก ลอสแองเจลลิส นครนิวยอร์ก และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้ชุมนุมประท้วงโดยใช้คำว่า “Hands Off” ที่มีนัยห้ามประธานาธิบดีทรัมป์และนายมัสก์ แตะต้องนโยบายสังคมและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อีกต่อไป เพราะจากการบริหารที่ผ่านมาตั้งแต่ 20 มกราคม 2568 ประธานาธิบดีทรัมป์และนายมัสก์สร้างความวุ่นวายให้สังคมและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ทั้งประเด็นการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า การต่อต้านผู้อพยพ การเลือกปฏิบัติต่อคนต่างชาติในสหรัฐฯ การละเมิดสิทธิและประชาธิปไตย และลดสวัสดิการ รวมทั้งนโยบายต่างประเทศ ซึ่งผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯ ไม่เข้าไปแตะต้องเรื่องแคนาดา กรีนแลนด์ และยูเครน ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงออกเพื่อคัดค้านนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์
สำหรับข้อเรียกร้องหลัก ๆ ของการชุมนุมครั้งนี้ มีกลุ่ม HandsOff ที่เป็นการรวมตัวขององค์กรและกลุ่มส่งเสริมประชาธิปไตย ประกาศแผนและกำหนดการชุมนุมในเว็บไซต์ เป็นแกนนำหลัก ระบุว่ามีข้อเรียกร้อง 3 เรื่อง ได้แก่ ยุติบทบาทและอิทธิพลของกลุ่มเศรษฐีที่เข้าไปแทรกแซงการเมืองและรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ ให้คงงบประมาณโครงการสวัสดิการของรัฐ และยุติการโจมตี รวมทั้งละเมิดสิทธิผู้อพยพ ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ และชุมชนอื่น ๆ นอกจากนี้ มีข้อสังเกตว่าผู้ชุมนุมในหลายพื้นที่หยิบยกประเด็นนโยบายที่ไม่เห็นด้วยมาเรียกร้องเพิ่มเติม เช่น ยุติการแทรกแซงระบบการศึกษา และยุติการระงับบทบาทขององค์กรให้ความช่วยเหลือในต่างประเทศ เป็นต้น
บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย แกนนำกลุ่มเน้นย้ำห้ามใช้ความรุนแรง ผู้ชุมนุมเดินขบวนพร้อมตะโกนขับไล่ประธานาธิบดีทรัมป์และชูป้ายประท้วง ยังไม่มีรายงานการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ มีรายงานการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต่างประเทศด้วย ได้แก่ ลอนดอนของสหราชอาณาจักร ปารีสของฝรั่งเศส และเบอร์ลินของเยอรมนี โดยมีกลุ่มปกป้องงสิทธิเข้าร่วมจำนวนมาก ทั้งกลุ่มปกป้องสิทธิแรงงาน ผู้มีความหลากหลายทางเพศ และสิทฺธิสตรี ทั้งนี้ กลุ่ม HandsOff นัดหมายรวมตัวครั้งใหญ่อีกครั้งใน 1 พฤษภาคม 2568 ตรงกับวันแรงงาน เพื่อประท้วงประธานาธิบดีทรัมป์ด้วย
การชุมนุมประท้วงผู้นำสหรัฐฯ ของชาวอเมริกันในหลายพื้นที่ สอดคล้องกับผลการสำรวจคะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ตกต่ำลงจากร้อยละ 47 เป็นร้อยละ 43 ด้านทีมงานของประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวอเมริกันโดยระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับโครงการสนับสนุนสวัสดิการด้านสาธารณสุข ขณะที่นาย Tom Homan ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้านผู้อพยพ ระบุว่าผู้ชุมนุมมีสิทธิประท้วงตามสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่จะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงต่อการดำเนินนโยบายของสหรัฐฯ อย่างแน่นอน