ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังตึงเครียดและไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลายได้ด้วยการเจรจา ล่าสุดเมื่อ 5 เมษายน 2568 มีรายงานว่ารัสเซียโจมตีเมือง Kryvyi Rih บ้านเกิดของผู้นำยูเครนอย่างหนัก ด้วยขีปนาวุธ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย ได้รับบาดเจ็บเกือบ 80 ราย รวมทั้งเด็กและเยาวชน สื่อมวลชนประเมินว่าเป็นการโจมตีครั้งรุนแรงที่สุดในห้วงปี 2568 สะท้อนว่าความพยายามของนานาชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่จะโน้มน้าวให้ผู้นำรัสเซียยุติการโจมตีทางทหารต่อเป้าหมายพลเรือนในยูเครน ล้มเหลวและไม่มีความคืบหน้า ทั้งนี้ เมือง Kryvyi Rih อยู่บริเวณตอนกลางของยูเครน มีประชากรอยู่อาศัยประมาณ 600,000 คน ก่อนหน้านี้ รัสเซียโจมตีเมือง Kryvyi Rih อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน
การโจมตีของรัสเซียต่อยูเครนทำให้ประเทศยุโรปบางส่วนออกถ้อยแถลงประณาม เนื่องจากมีพลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก รวมทั้งเป็นการทำลายความพยายามที่จะสร้างสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ด้านรัสเซียยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายขัดขวางการพบหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนและประเทศยุโรป ที่รัสเซียเชื่อว่าเป็นการวางแผนการปฏิบัติการทางทหาร ไม่ใช่การโจมตีพลเรือนอย่างที่ยูเครนและประเทศตะวันตกกล่าวอ้าง ทั้งนี้ ประธานาธิบดี Volodymyr Zelenskyy ของยูเครนเคยระบุว่า ประเทศตะวันตกเตรียมจะส่งทหารมาช่วยเหลือยูเครน โดยเฉพาะในสมรภูมิด้านตะวันออกของประเทศ ที่รัสเซียรุกคืบเข้าไปได้มาก
สถานการณ์การสู้รบและการปะทะที่ตึงเครียดทำให้บรรยากาศการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน ไม่มีความคืบหน้า แม้ว่าสหรัฐฯ จะส่งผู้แทนระดับสูง ได้แก่ นายมาร์โค รูบิโอ รมว.กต.สหรัฐฯ เยือนซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือกับตัวแทนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย และผู้แทนจากยูเครน แต่ก็ยังไม่สามารถทำข้อตกลงระหว่างกันได้ ปัจจุบันสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณกดดันทั้ง 2 ฝ่ายมากขึ้น เนื่องจากการเจรจาที่ซาอุดีอาระเบียยืดเยื้อมานานกว่า 2 เดือนแล้วแต่ยังไม่มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม หรือนำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้ภาพลักษณ์การแก้ไขปัญหาสงครามของสหรัฐฯ ย่ำแย่ไปด้วย อย่างไรก็ตาม ฝ่ายยูเครนเตรียมส่งคณะผู้แทนการเจรจาเรื่องข้อตกลงแร่ธาตุสำคัญไปเยือนสหรัฐฯ เพื่อทำกรอบความตกลงและความร่วมมือให้ชัดเจน และเพื่อให้ยูเครนมั่นใจว่าจะยังได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ต่อไป
สำหรับการสู้รบในปัจจุบัน ภาพรวมรัสเซียนได้เปรียบยูเครนในสมรภูมิต่าง ๆ ทั้งในภาคตะวันออกของยูเครน และสามารถรักษาสถานการณ์ความมั่นคงในแคว้น Belgorod บริเวณพรมแดนรัสเซีย-ยูเครนได้ แม้ว่ามีรายงานว่ากองทัพยูเครนพยายามโจมตีและบุกรุกเข้าไปยังมาตุภูมิรัสเซียก็ตาม