ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อ 9 เมษายน 2568 ประกาศเลื่อนกำหนดการบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีตอบโต้ในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ออกไปอีก 90 วัน ทำให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ จะเผชิญภาษีนำเข้าสินค้าเท่ากันบนพื้นฐานที่ร้อยละ 10 ยกเว้นจีน ที่สหรัฐฯ จะยังคงมาตรการภาษีตอบโต้ โดยเพิ่มอีกรวมเป็นร้อยละ 125 เพราะจีนไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าต่อสหรัฐฯ ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ให้เหตุผลว่าจีนไม่เคารพระเบียบการค้าโลก สหรัฐฯ จึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มภาษี ขณะเดียวกันก็หวังว่าจีนจะเปลี่ยนนโยบายโดยเร็ว ด้วยการเจรจาและทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ เหมือนกับประเทศอื่น ๆ
การตัดสินใจเลื่อนกำหนดการใช้ภาษีตอบโต้ออกไปอีก 90 วัน ประธานาธิบดีทรัมป์ให้เหตุผลว่าทุกคนต้องมีความยืดหยุ่น ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า การชะลอมาตรการภาษีเป็นยุทธศาสตร์ของผู้นำสหรัฐฯ อยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับชื่นชมความกล้าหาญของผู้นำสหรัฐฯ ที่เป็นบุคคลที่มีความมุ่งมั่นและจริงจังในการดำเนินนโยบายต่าง ๆ รวมทั้งมีทักษะการเจรจาต่อรองที่ดีมาก อย่างไรก็ดี น่าจะมีเหตุผลจากเรื่องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นครนิวยอร์ก ตกลงมากมาหลายวันต่อเนื่อง นับแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีตั้งแต่ 2 เมษายน 2568 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลในการลงทุนในตลาดหุ่นสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเริ่มมีเสียงสะท้อนจากชาวอเมริกันมากขึ้น
ทั่วโลกจับตาท่าทีของจีน ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนประเมินว่าจีนเตรียมความพร้อมปรับตัวเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ มาตั้งแต่เผชิญสงครามการค้าครั้งแรกแล้ว ปัจจุบันชาวจีนยังสนับสนุนให้รัฐบาลจีนลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ด้วย ล่าสุดเมื่อ 10 เมษายน 2568 ทางการจีนแสดงความเห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินนโยบายผิดพลาด และสร้างผลเสียต่อการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ จีนคัดค้านนโยบายของผู้นำสหรัฐฯ แต่จำเป็นจะต้องใช้มาตรการในระดับเดียวกันตอบโต้ เพื่อเตือนสหรัฐฯ ให้ยุติการข่มขู่ประเทศอื่น
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายประเมินว่า หากสถานการณ์ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนไม่คลี่คลาย จะทำให้โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอยมีมากขึ้น แม้ว่าผู้นำสหรัฐฯ จะเลื่อนกำหนดการใช้มาตรการภาษีตอบโต้ออกไป ก็ไม่สามารถยับยั้งเศรษฐกิจถดถอยได้ เพราะทั่วโลกยังต้องเผชิญภาษีนำเข้าร้อยละ 10 และหลายประเทศยังเผชิญภาษีนำเข้าจากเหตุผลอื่น ๆ อีก เช่น แคนาดาและเม็กซิโก ที่ยังเผชิญภาษีร้อยละ 25 นอกจากนี้ ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างก็ควบคุมการไหลเข้า-ออกของการค้าโลก