รัสเซียและยูเครนเมื่อ 20 เมษายน 2568 กล่าวหากันว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียประกาศใช้เป็นระยะเวลา 30 ชั่วโมง เนื่องจากตรงกับเทศกาลอีสเทอร์ หรือ Easter Truce อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดียูเครนระบุว่ากองทัพรัสเซียยังปฏิบัติการโจมตีทางการทหารอย่างต่อเนื่องและทันทีที่มีการประกาศหยุดยิงดังกล่าว สะท้อนว่ารัสเซียไม่มีความจริงใจที่จะยุติความรุนแรง แม้ว่าตลอดช่วงวันเทศกาลอีสเทอร์ จะไม่มีเครื่องบินรบลาดตระเวนเลยก็ตาม แต่มีรายงานการใช้ปืนใหญ่ยิงในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมือง Pokrovsk ศูนย์กลางการคมนาคมของภูมิภาค Donetsk พร้อมกับโจมตีผู้นำรัสเซียว่าใช้การหยุดยิงครั้งนี้สร้างภาพ นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนเรียกร้องให้รัสเซียประกาศหยุดยิงชั่วคราวต่อโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อลดระดับความเสียหายต่อชาวยูเครนที่เผชิญสงครามมาเป็นระยะเวลานาน
การประกาศหยุดยิงชั่วคราวครั้งนี้แม้จะมีระยะเวลาสั้น แต่เป็นความหวังให้นานาชาติเรียกร้องให้รัสเซียพิจารณาขยายช่วงเวลาการหยุดยิง แม้ว่าจะยังไม่สำเร็จ เพราะผู้นำรัสเซียประกาศเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไป แต่ก็เป็นสิ่งบ่งนี้ว่า การตัดสินใจของรัสเซียมีผลต่อทิศทางและแนวโน้มสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอย่างมาก และทั่วโลกกำลังจับตามองบทบาทของผู้นำสหรัฐฯ ที่อาจมีผลต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีปูติน เนื่องจากการประกาศหยุดยิงชั่วคราวในช่วงเทศกาลอีสเทอร์นี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ แสดงท่าทีเมื่อ 18 เมษายน 2568 ว่าจะถอนตัวจากการเป็นตัวกลางเพื่อผลักดันการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน หากยังไม่มีความคืบหน้าจากคู่ขัดแย้งในเร็ว ๆ นี้ และหากทั้งรัสเซียกับยูเครนยังไม่มีท่าทีจะเข้าสู่การเจรจาโดยง่าย ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่าต้องการให้กระบวนการเจรจาสันติภาพมีความคืบหน้า แม้ว่าการยุติสงครามอาจใช้เวลา แต่สหรัฐฯ มีเรื่องสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องดำเนินการอีกมาก จึงต้องการความชัดเจนจากทั้ง 2 ฝ่าย
สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงตึงเครียดและมีการสู้รบยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศด้านความมั่นคง การเมือง และเศรษฐกิจของหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มยุโรป ซึ่งเร่งหาช่องทางโน้มน้าวให้รัสเซียและยูเครนเข้าสู่การเจรจาอย่างเป็นทางการ เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ เข้าไปมีบทบาทในการเจรจากับทั้ง 2 ฝ่ายมากขึ้น และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างยูเครนกับสหรัฐฯ ที่จะมีการทำข้อตกลงร่วมกันใน 26 เมษายน 2568 เพื่อการบริหารแร่ธาตุในยูเครน อาจเป็นข้อตกลงที่ช่วยป้องปรามรัสเซียไม่ให้โจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในยูเครนได้ อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรียูเครนบางส่วนยังไม่ไว้วางใจการทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ เนื่องจากยูเครนอาจเสียผลประโยชน์