คริสต์ศาสนิกชนและผู้นำโลกจำนวนมากเข้าร่วมพิธีพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่กรุงโรม อิตาลี ใน 26 เมษายน 2568 หลังจากที่สำนักวาติกันเปิดให้คริสต์ศาสนิกชนและบุคคลที่ศรัทธาเคารพพระศพได้ที่มหาวิหาร St. Peter ที่นครรัฐวาติกันเป็นระยะเวลา 3 วัน มีรายงานว่ามีผู้เดินทางไปเคารพพระศพประมาณ 250,000 คน ในพิธีพระศพต่าง ๆ จะมีพระคาร์ดินัล Camerlengo Kevin Farrell เป็นพระประธานในพิธี ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสต้องการให้พิธีพระศพเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนและไม่ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ยุ่งยาก
อย่างไรก็ดี หน่วยงานความมั่นคงของอิตาลีวางมาตรการรักษาความปลอดภัยในระดับสูง เพราะจะมีผู้นำต่างประเทศมาเยือน พร้อมกับประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธีดังกล่าว เช่น มีการใช้หน่วยสไนเปอร์ประจำจุดสูงข่ม และติดตั้งอุปกรณ์ต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้อากาศยานไร้คนขับหรือโดรนในพื้นที่หวงห้าม นอกจากนี้ หน่วยความมั่นคงอิตาลีเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ 8,000 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 2,000 นาย ในการเฝ้าระวัง พร้อมกันนี้ หน่วยความมั่นคงอิตาลีให้ความสำคัญกับการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยอารักขาบุคคลสำคัญของประเทศอื่น ๆ ที่จะอยู่ในพื้นที่ด้วย ดังนั้น ต้องมีการฝึกซ้อมและมั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารระหว่างกันจะปลอดภัยจากการโจมตี
หน่วยความมั่นคงอิตาลียังไม่พบว่าจะมีเหตุร้ายต่อการจัดพิธีดังกล่าว แต่ก็พร้อมเฝ้าระวังและป้องกันเหตุ สำหรับสาเหตุที่ต้องมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ เพราะนอกจากจะมีผู้นำต่างประเทศและประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเคยตกเป็นเป้าหมายการลอบโจมตีอย่างน้อย 2 ครั้ง ขณะเสด็จไปอิรัก เมื่อปี 2564
สื่อต่างประเทศรายงานว่าผู้นำต่างประเทศและบุคคลสำคัญจะเดินทางไปเข้าร่วมพิธีพระศพ หรือพิธีมิสซา ที่จะมีขึ้นใน 26 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) ที่จัตุรัส St. Peter โดยมีสื่อต่างประเทศเผยแพร่ภาพพิธีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้นำประเทศที่จะเข้าร่วมพิธีดังกล่าว เช่น ผู้นำสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส โปแลนด์ ออสเตรีย เบลเยียม เยอรมนี โรมาเนีย ยูเครน อาร์เจนตินา บราซิล ฟิลิปปินส์ สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน และเจ้าชายวิลเลียม พระราชโอรสองค์โตและพระรัชทายาทในสมเด็จพระเจ้าชาล์สที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ส่วนนาย António Guterres เลขาธิการสหประชาชาติก็จะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน