![]()

สถานการณ์การปะทะระหว่างไทย-กัมพูชาบริเวณชายแดนได้รับความสนใจจากนานาชาติและสื่อมวลชน โดยรายงานเหตุการณ์ต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อ 9 ธันวาคม 2568 สื่อต่างประเทศเน้นผลกระทบจากความขัดแย้งดังกล่าวต่อประชาชนทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชาที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่ไปศูนย์อพยพชั่วคราว ตลอดจนต้องดำรงชีวิตด้วยความหวาดกลัว ด้านกรณีกัมพูชาระบุว่ามีพลเรือนจำนวน 6 รายเสียชีวิตจากการโจมตีของฝ่ายไทย ขณะที่ฝ่ายไทยมีความสูญเสียคือทหาร 1 ราย และยืนยันว่ารูปแบบการโจมตีของกองทัพกัมพูชามุ่งเป้าหมายพลเรือน สำหรับการปฏิบัติการของไทยเน้นทำลายเป้าหมายทางการทหารเท่านั้น หลีกเลี่ยงผลกระทบต่อพลเรือนชาวกัมพูชา และเป็นไปตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ตลอดจนย้ำว่าฝ่ายไทยต้องการสันติภาพ ที่ครอบคลุมถึงความปลอดภัยของประชาชน
ท่าทีของสมเด็จฮุนเซน ประธานรัฐสภา อดีตผู้นำกัมพูชาและผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในประเทศ ยังคงได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อต่างประเทศ เฉพาะอย่างยิ่งกรณีเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กเมื่อ 8 ธันวาคม 2568 ว่า กองทัพกัมพูชาจำเป็นต้องตอบโต้ไทย หลังจากที่ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงมาโดยตลอด พร้อมทั้งมีรายงานว่าสมเด็จฮุนเซนมีถ้อยแถลงวิจารณ์ผู้นำรัฐบาลไทยเชิงลบว่าทำให้ทหารตกอยู่ในความเสี่ยง เพียงเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์คะแนนนิยมทางการเมือง ตลอดจนเตือนให้ลดระดับความขัดแย้งบริเวณชายแดนโดยเร็ว
สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ตึงเครียด ทำให้นานาชาติแสดงความวิตกกังวล โดยนาย Stephane Dujarric โฆษกประจำตัวนาย Antonio Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เมื่อ 8 ธันวาคม 2568 เรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายหลีกเลี่ยงการทำให้การปะทะขยายวงกว้างและลดการโจมตีที่จะส่งผลกระทบต่อพลเรือน รวมทั้งอาคารและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ โฆษกเลขาธิการ UN แสดงความกังวลต่อรายงานว่ากองทัพไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกัมพูชา พร้อมกับเรียกร้องไทยและกัมพูชาให้ปฏิบัติตามกรอบความตกลงร่วมที่ลงนามกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อตุลาคม 2568 ซึ่งสหประชาชาติพร้อมจะสนับสนุนการส่งเริมสันติภาพ เสถียรภพา และการพัฒนาในภูมิภาคต่อไป
ส่วนท่าทีของโฆษกสหภาพยุโรป (EU) เมื่อ 8 ธันวาคม 2568 ก็เรียกร้องให้ปฏิบัติตามกรอบความตกลงร่วมที่ลงนามกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เช่นกัน และย้ำจุดยืนของ EU ที่พร้อมสนับสนุนมาตรการที่ทั้งสองฝ่ายจะนำไปสู่การลดความรุนแรง รวมทั้งด้านมนุษยธรรม และการกวาดล้างทุ่นระเบิด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อ 8 ธันวาคม 2568 แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ พร้อมเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชายุติการปะทะและใช้กลไกการทูตเจรจากันโดยเร็ว พร้อมย้ำว่าความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาที่มีลักษณะเป็นวงรอบ (cycle) จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอาเซียน
ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียก็ออกมาเรียกร้องเมื่อ 9 ธันวาคม 2568 แสดงความกังวลต่อความตึงเครียด และความสูญเสียที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ทำตามข้อตกลงหยุดยิง ลดความรุนแรง และยับยั้งชั่งใจ รวมทั้งเสริมสร้างความไว้วางใจ และความเชื่อมั่น เพื่อนำไปสู่ความสงบบริเวณชายแดนอย่างยั่งยืน







