![]()

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เมื่อ 9-10 ธันวาคม 2568 เน้นท่าทีของรัฐบาลต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ความเสียหายที่เกิดขึ้น ความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ และสาเหตุของการปะทะครั้งนี้ สื่อยังให้ความสนใจท่าทีของผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ ฝ่ายไทย คือ นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา คือ สมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ประธานพรรคประชาชนกัมพูชา (พรรครัฐบาล) และอดีตผู้นำประเทศ ต่างฝ่ายต่างย้ำว่าจำเป็นต้องปฏิบัติการทางทหารเพื่อป้องกันความปลอดภัยของประชาชนและกำจัดภัยคุกคามของชาติ
จากข้อสังเกตการรายงานของสื่อต่างประเทศ พบว่าฝ่ายกัมพูชาเน้นการเปิดเผยข้อมูลความสูญเสีย มีพลเรือนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากจากการปฏิบัติการทางทหารของไทย ขณะที่ฝ่ายไทยรายงานว่า มีทหารเสียชีวิต 4 นาย และได้รับบาดเจ็บ 68 ราย ปัจจุบันต่างประเทศมีข้อมูลว่า ฝ่ายไทยอพยพประชาชนมากกว่า 400,000 คน และมีศูนย์พักพิงชั่วคราวมากกว่า 500 แห่งในพื้นที่ 4 จังหวัดที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชา ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาอพยพประชาชนประมาณ 55,000 คน
ส่วนประเด็นความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางไปไทยและกัมพูชาจำนวนมากในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ สื่อยุโรปรายงานเกี่ยวกับเหตุปะทะเกิดขึ้นบริเวณพรมแดน รวมทั้งให้ระมัดระวังการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของชาวยุโรป ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงด้วย เช่น เกาะช้าง เกาะหมาก และเกาะกูด
ด้านท่าทีสหรัฐฯ มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุเมื่อ 10 ธันวาคม 2568 ว่ามีแผนจะโทรศัพท์ติดต่อกับผู้นำไทยและกัมพูชา เพื่อยุติสงครามระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งย้ำว่าสหรัฐฯ จะสร้างสันติภาพด้วยการแสดงความแข็งแกร่ง (peace through strength) ซึ่งอาจมีนัยถึงการขู่ใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยัน และเมื่อ 9 ธันวาคม 2568 นายมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีถ้อยแถลงเรียกร้องให้หยุดยิง ปกป้องความปลอดภัยของพลเรือน และใช้กลไกความร่วมมือที่ลงนามร่วมกันเมื่อ 26 ตุลาคม 2568 เพื่อลดระดับความขัดแย้งระหว่างกัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ประเมินว่า มาตรการข่มขู่ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะใช้ไม่ได้ผล เพราะการที่ไทยกับกัมพูชาลงนามในความร่วมมือเมื่อ ตุลาคม 2568 นั้นเป็นผลจากแรงกดดันของผู้นำสหรัฐฯ เพียงอย่างเดียว ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีความพร้อมจริง ทำให้ความตกลงดังกล่าวเปราะบาง เหตุการณ์ปะทะครั้งนี้จึงเกิดขึ้น โดยที่นักวิเคราะห์จากสถาบัน Think Tank ของกัมพูชาคาดการณ์ไว้แล้วล่วงหน้า
กระทรวงการต่างประเทศจีนได้เผยแพร่ถ้อยแถลงแสดงความมุ่งหวังให้ไทยและกัมพูชาจะลดระดับความขัดแย้งระหว่างกันได้ โดยจีนพร้อมแสดงบทบาทสนับสนุนการลดความตึงเครียด
นอกจากท่าทีของต่างประเทศเมื่อ 9 ธันวาคม 2568 ก็มีการรายงานมุมมองของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและกัมพูชาด้วย สะท้อนว่าสำนักข่าวต่างประเทศให้ความสนใจการใช้กลไกการทูตของไทยและกัมพูชาเพื่อจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมีการใช้กลไกด้านการทหารไปแล้ว โดยสื่อรายงานตามถ้อยแถลงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ระบุว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีพื้นที่สำหรับการทูต เนื่องจากความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชานั้นบ่งชี้ว่าไม่พร้อมเข้าสู่การเจรจา ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาระบุว่ายินดีจะเจรจากับไทยแบบทวิภาคี แต่จะไม่เป็นฝ่ายเสนอการเจรจาก่อน







