![]()

สื่อต่างชาติเมื่อ 13-14 ธันวาคม 2568 สนใจรายงานการปะทะทางทหารระหว่างไทยกับกัมพูชา แม้ไม่มากเท่ากับช่วงปะทะรอบ 2 กันใหม่ ๆ อย่างไรก็ดี หัวข้อข่าวที่สื่อต่างชาติจะเน้นการที่ไทยยังไม่หยุดโจมตีทางอากาศ และหยุดยิง หรือปฏิบัติการทางทหารอื่น ๆ แม้นายกรัฐมนตรีไทยได้พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทางโทรศัพท์ เมื่อคืนของ 12 ธันวาคม 2568 และประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ลงโซเชียลมีเดียว่า ทั้งไทยและกัมพูชาจะมีการหยุดยิง ขณะที่ฝ่ายนายกรัฐมนตรีไทยออกมาปฏิเสธการให้คำมั่นในประเด็นนี้ และโยนให้ฝ่ายกัมพูชาว่าจะต้องจริงจังในเรื่องนี้
ในมุมรายงานเกี่ยวกับกัมพูชา สื่อต่างชาติเน้นรายงานความสูญเสีย และการต้องปิดพรมแดนกับไทย เพราะไทยยังไม่ยุติการโจมตีไปยังชายแดนกัมพูชา ซึ่งรวมทั้งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาออกมายืนยันว่า เป็นเป้าหมายพลเรือน นอกจากนี้ สื่อต่างชาติยังรายงานมุมมองเชิงต้องการสันติภาพของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ออกมาแถลงเมื่อ 13 ธันวาคม 2568 ว่า พร้อมจะร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่เสนอให้มีการหยุดยิง และให้มาเลเซียเป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพ
สื่อยังเห็นว่าอาเซียนยังอาจไม่สามารถที่จะทำให้การปะทะทางทหารระหว่างไทยกับกัมพูชายุติลงง่าย ๆ แม้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะเรียกประชุมอาเซียนสมัยพิเศษเร็ว ๆ นี้ หรือจะใช้ดาวเทียมของสหรัฐฯ เป็นหลักฐานเพื่อชี้ว่า ฝ่ายใดเริ่มปฏิบัติการทางทหารก่อน นอกจากนี้ การเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซียจะสิ้นสุดลงในสิ้นปี 2568 โดยมีฟิลิปปินส์เป็นประธานอาเซียนต่อ ซึ่งฟิลิปปินส์จะต้องใช้เวลาศึกษาเรื่องความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาพอสมควร ซึ่งจะทำให้การเชื่อมต่อการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในเรื่องนี้ของฟิลิปปินส์ไม่สามารถทำได้ทันที
สื่อยังพาดพิงการเมือง และประเด็นเศรษฐกิจของไทยว่า แม้จะมีการยุบสภาเมื่อ 12 ธันวาคม 2568 ก็ไม่มีผลต่อการปฏิบัติการทางทหารของไทยต่อกัมพูชา การโจมตีของไทยบริเวณชายแดนกัมพูชายังดำเนินต่อไป แต่สื่อชี้ให้เห็นว่า ทั้งความขัดแย้งกับกัมพูชา และการขึ้นอัตราภาษีตอบโต้การนำเข้าสินค้าของไทยไปยังสหรัฐฯ น่าจะมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย ที่เมื่อไตรมาส 3/2568 ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.2 เงินบาก็แข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งมูลค่าตลาดหุ้นไทยในปี 2568 หายไปเป็นจำนวนมาก







