![]()

สำนักข่าว BBC รายงานสถานการณ์ความมั่นคงและความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา หลังจากเกิดเหตุปะทะทางทหารและการลงนามในความตกลงหยุดยิงระหว่างกันเมื่อ 27 ธันวาคม 2568 เพื่อลดอาวุธและให้ประชาชนในพื้นที่กลับภูมิลำเนา โดยล่าสุด กองทัพไทยระบุเมื่อ 30 ธันวาคม 2568 ว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากฝ่ายไทยพบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) จำนวน 250 เครื่องบินจากกัมพูชาเข้าฝั่งไทยในช่วงเวลากลางคืนเมื่อ 28 ธันวาคม 2568 เท่ากับกัมพูชาละเมิดความตกลงร่วมกันที่ทำขึ้นเพื่อลดความตึงเครียดในพื้นที่ นอกจากนี้ กรณีกัมพูชาละเมิดความตกลงครั้งนี้จะทำให้ไทยจำเป็นต้องทบทวนมาตรการส่งตัวทหารกัมพูชาจำนวน 18 นาย กลับประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นประเด็นเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ชายแดน และทั้ง 2 ฝ่ายก็มีการปฏิบัติการด้วยโดรนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม กัมพูชาพร้อมจะร่วมมือกับไทยเพื่อหารือและสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเร็ว คาดว่าเพื่อรักษาระดับความสัมพันธ์และไม่ต้องการให้เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์กัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศ
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สื่อต่างประเทศมีมุมมองว่า ความตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชายังคงเปราะบางและเสี่ยงล้มเหลวได้ แม้ว่าสหรัฐฯ กับจีนจะสนับสนุนและพยายามผลักดันให้ทั้ง 2 ประเทศหยุดยิงระหว่างกัน รวมทั้งใช้การเจรจาทางการทูตเป็นแนวทางแก้ไขความขัดแย้งและปัญหาชายแดน โดยเหตุการณ์กัมพูชาละเมิดความตกลงหยุดยิงนี้ เกิดขึ้นพร้อมกับที่จีนจัดการประชุมระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ยูนนาน เมื่อ 29 ธันวาคม 2568 เพื่อสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน โดยมีข้อสังเกตว่าฝ่ายจีนประชาสัมพันธ์ผลงานครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผลงานบทบาทของจีนในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น จีนประกาศว่าทั้ง 3 ประเทศจะร่วมมือกันโดยยึดมั่นหลักการ 3 ประการ ได้แก่ เดินหน้าต่อไป ไม่หยุดนิ่งแม้ว่าความตกลงหยุดยิงถาวรจะยังไม่เกิดขึ้น และให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกัน (mutual trust)
สำหรับประเด็นสำคัญในความตกลงระหว่างไทยและกัมพูชาครั้งนี้ นอกจากประเด็นการหยุดยิงระหว่างกัน ยังประกอบด้วยแนวทางการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะบริเวณพรมแดนให้สามารถเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย และปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ร่วมกันต่อไป







