โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน เตือนเมื่อ 21 เมษายน 2568 ให้นานาชาติระมัดระวังการเจรจาภาษีนำเข้าสินค้ากับรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากอาจถูกโน้มน้าวและกดดันให้ต้องดำเนินนโยบายตามความต้องการของสหรัฐฯ ฝ่ายเดียว นอกจากนี้ ยังเตือนว่าการทำความต้องการของสหรัฐฯ ไม่ใช่วิธีการสร้างสันติภาพที่แท้จริง และผลประโยชน์แห่งชาติบางเรื่องก็ไม่สามารถต่อรองหรือประนีประนอมได้ และจีนจะคัดค้านการทำข้อตกลงที่จะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์แห่งชาติของจีน ท่าทีของรัฐบาลจีนมีขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ เริ่มการเจรจาการค้ากับหลายประเทศที่จะต้องเผชิญภาษีตอบโต้ โดยจะมีผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ได้แก่ ยุโรป ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ว่ามีผู้แทนจากมากกว่า 70 ประเทศติดต่อเข้าไปที่ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อเจรจาการค้า ซึ่งเป็นผลจากการประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้ แม้ปัจจุบันจะเลื่อนกำหนดการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวออกไป 90 วัน แต่นานาชาติก็ยังกังวลกับการกำหนดนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าโลก
จีนเป็นประเทศที่ไม่ได้รับข้อยกเว้นจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ปัจจุบันจีนเผชิญมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ร้อยละ 145 ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เผชิญมาตรการภาษีร้อยละ 10 จนถึง กรกฎาคม 2568 ซึ่งมาตรการที่จีนเผชิญอาจสมทบกับมาตรการที่สหรัฐฯ เคยใช้ก่อนหน้านี้ ทำให้จีนมีโอกาสเผชิญภาษีเพิ่มสูงสุดร้อยละ 245 ด้านจีนตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยมาตรการภาษีนำเข้าร้อยละ 125
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเข้มข้นและตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รัฐบาลจีนเร่งเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการพัฒนาระหว่างจีนกับนานาชาติที่เป็นปัจจัยส่งเสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสันติภาพตลอดมา สื่อมวลขนจีนปัจจุบันนำเสนอจุดแข็งและโอกาสของต่างประเทศจากความร่วมมือกับจีน ทั้งในโครงการข้อริเริ่ม Belt and Road Initiative และ Silk Road Maritime (SRM) ที่เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งบางบกและทางทะเลเชื่อมโยงเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก รวมถึงความสำคัญของจีนในห่วงโซ่การผลิตสินค้าและการพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยี
นักวิเคราะห์ประเมินว่า ท่าทีของโฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนเป็นการส่งสัญญาณเตือนนานาชาติไม่ให้ร่วมมือกับสหรัฐฯ ในประเด็นที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์แห่งชาติของจีน รวมไปถึงการเลือกข้างในสงครามการค้าครั้งนี้ เพราะจีนระบุชัดเจนว่าจะคัดค้านและต่อต้านการเจรจาข้อตกลงใด ๆ ก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของจีน และจีนเชื่อว่าการเจรจากับสหรัฐฯ โดยแลกทุกอย่างเพื่อขอให้ยกเว้นมาตรการภาษี เปรียบเทียบได้กับสำนวนจีน “เจรจากับเสือขอหนังเสือ” หรือ 与虎谋皮 ซึ่งหมายถึง การเจรจากับคนร้ายเพื่อให้ยอมแลกผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งเท่ากับว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากสหรัฐฯ จะไม่ยอมเสียเปรียบประเทศคู่เจรจาอย่างแน่นอน ดังนั้น นานาประเทศต้องระมัดระวังการตกเป็นเครื่องมือของสหรัฐฯ ในการดำเนินยุทธศาสตร์กับจีน