สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงตึงเครียดและมีความรุนแรงต่อเนื่อง แม้คู่ขัดแย้งจะพร้อมเข้าสู่การเจรจาเพื่อยุติสถานการณ์ โดยล่าสุดเมื่อ 19 มิถุนายน 2568 มีรายงานอ้างโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียว่า รัสเซียพร้อมเจรจารอบที่ 3 กับยูเครนเพื่อหาแนวทางยุติการปฏิบัติการทางทหาร โดยยื่นเงื่อนไขว่ายูเครนต้องเข้าใจและยอมรับความจริงว่าการทำสงครามยืดเยื้อจะไม่เป็นผลดีต่อยูเครนในระยะยาว นอกจากนี้ ยูเครนต้องเข้าใจว่าสถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เพราะยูเครนสูญเสียทรัพยากร และไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศตะวันตก รวมทั้งเนโตอีกต่อไปแล้ว ทั้งนี้ ท่าทีของโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียมีขึ้นระหว่างการเป็นเจ้าภาพประชุม International Economic Forum ที่เมือง St. Petersburg ของรัสเซีย
สำหรับการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งที่ผ่านมา รัสเซียและยูเครนส่งผู้แทนไปเข้าร่วมการเจรจากันที่เมืองอิสตันบูล ตุรกี เมื่อ 16 พฤษภาคม 2568 และ 2 มิถุนายน 2568 แต่ไม่บรรลุผล มีเพียงแต่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนนักโทษสงครามระหว่างกัน (Prisoner of War – POW exchange) ซึ่งเป็นผลจากการเจรจาเมื่อ 2 มิถุนายน 2568 รวมทั้งจะมีการส่งคืนร่างทหารที่เสียชีวิตระหว่างการทำสงครามระหว่างกันด้วย
แม้ว่ารัสเซียจะส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการเจรจากับยูเครน โดยเมื่อ 19 มิถุนายน 2568 ประธานาธิบดีวลาร์ดิมีร์ ปูตินของรัสเซียระบุว่าพร้อมเจรจากับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน แต่ต้องเป็นในช่วงที่การเจรจาอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้วนั้น อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังคงปฏิบัติการโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างปฏิบัติการ Summer Offensive ซึ่งเป็นการยกระดับการโจมตียูเครนในทุกพื้นที่ ล่าสุดเมื่อ 20 มิถุนายน 2568 รัสเซียโจมตีทางอากาศต่อพื้นที่พลเรือนในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย และได้รับบาดเจ็บมากว่า 130 คน โดยรัสเซียใช้ทั้งขีปนาวุธควบคู่กับอากาศยานไร้คนขับจำนวนมากในการโจมตี
ปฏิบัติการ Summer Offensive ของรัสเซียในยูเครนเริ่มตั้งแต่พฤษภาคม 2568 โดยครั้งนี้เน้นพื้นที่ในภูมิภาค Donetsk และ Sumy ทางตะวันออกของยูเครน และรัสเซียปรับยุทธวิธีด้วยการใช้กองพลขนาดเล็กในการเข้าถึงพื้นที่ เพื่อให้เคลื่อนที่เร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ รัสเซียใช้เทคนิคการทำลายโครงสร้างพื้นฐานในยูเครน เพื่อบั่นทอนขีดความสามารถของกองทัพยูเครนในการส่งเสบียงและอาวุธ
ประธานาธิบดียูเครนอยู่ระหว่างการเรียกร้องให้นานาชาติเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย เนื่องจากปัจจุบันมีข้อสังเกตว่า สถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางและนโยบายภาษีของผู้นำสหรัฐฯ ทำให้ทั่วโลกลดความสนใจเหตุความรุนแรงและการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของรัสเซียในยูเครน