นายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียมีกำหนดการเยือนจีนในห้วง 12-17 กรกฎาคม 2568 เพื่อพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน คาดว่าจะเจรจาแนวทางเพิ่มความร่วมมือด้านการค้าระหว่างกัน เนื่องจากปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของออสเตรเลีย มูลค่าการค้าระหว่างกันเมื่อปี 2567 คือ 312,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการเยือนจีนเป็นระยะเวลา 6 วันครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีอัลบาเนซีจะเยือน 3 เมืองสำคัญของจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเชิงตู ถือว่าเป็นการเยือนจีนครั้งที่ 2 ของผู้นำออสเตรเลีย โดยนอกจากประเด็นความร่วมมือด้านการค้า นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียย้ำว่าจะหยิบยกเรื่องสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาคเพื่อหารือกับผู้นำจีนอย่างตรงไปตรงมา เพื่อปกป้องความมั่นคงและผลประโยชน์ของออสเตรเลียด้วย
ผู้นำออสเตรเลียเยือนจีนพร้อมคณะนักธุรกิจและผู้ประกอบการรายใหญ่ของออสเตรเลีย สะท้อนเป้าหมายสำคัญของออสเตรเลียที่ต้องการขยายความร่วมมือด้านธุรกิจและการค้ากับจีน รวมทั้งธุรกิจการท่องเที่ยว กีฬา ธนาคาร และมหาวิทยาลัย โดยมีผู้แทนจาก Business Council of Australia (BCA) เข้าร่วม
สำหรับประเด็นความมั่นคง คาดว่าออสเตรเลียจะหยิบยกประเด็นความมั่นคงทางทะเล ความเคลื่อนไหวของกองทัพเรือจีน การพัฒนาขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของกองทัพจีน และการปล่อยตัวนักวิชาการ ทั้งนี้ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนต้องการให้ผู้นำออสเตรเลียหยิบยกประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง เขตปกครองตนเองซินเจียง และทิเบต หารือโดยตรงกับผู้นำจีนด้วย
การเยือนจีนของผู้นำออสเตรเลียได้รับความสนใจจากนานาชาติ เนื่องจากมีขึ้นในช่วงที่หลายประเทศได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้ของผู้นำสหรัฐฯ และอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ กำลังมองหาทางเลือกความร่วมมือทางเศรษฐกิจจากมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอื่น ๆ มากขึ้น โดยออสเตรเลียจะเผชิญมาตรการภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ร้อยละ 10 แม้ว่าจะเป็นอัตราที่น้อยที่สุดถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่ก็จะส่งผลกระทบต่อออสเตรเลีย และยังเสี่ยงเผชิญอัตราภาษีร้อยละ 200 ในการส่งออกผลิตภัณฑ์ยารักษาโรคไปยังสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ผู้นำออสเตรเลียยังเยือนจีนหลังจากปรากฏข่าวสารว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จะทบทวนความร่วมมือในกรอบ AUKUS ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารที่สำคัญระหว่างสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ ต้องการให้ออสเตรเลียเพิ่มงบประมาณสนับสนุนความร่วมมือดังกล่าวมากขึ้น