ทั่วโลกติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ความมั่นคงในฉนวนกาซา เนื่องจากจะมีการเจรจาระหว่างผู้แทนอิสราเอลและกลุ่มฮะมาสที่อียิปต์ใน 6 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นผลจากการที่สหรัฐฯ ยื่นข้อเสนอ 20 ประการเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาส และกลุ่มฮะมาสแสดงท่าทีตอบรับข้อเสนอบางส่วนเมื่อ 3 ตุลาคม 2568 ส่งผลให้นานาชาติคาดหวังให้มีการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งเพื่อให้ยุติสงคราม อย่างไรก็ตาม มีรายงานเมื่อ 5 ตุลาคม 2568 ว่า กองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศในพื้นที่ฉนวนกาซาอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ด้านโฆษกรัฐบาลอิสราเอลระบุว่าไม่มีการทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัน ดังนั้น กองทัพอิสราเอลมีสิทธิปฏิบัติการโจมตีในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อปกป้องความมั่นคง
สหรัฐฯ ไม่พอใจและวิจารณ์ว่าปฏิบัติการการที่อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง และทำให้มีรายงานชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจา เพื่อช่วยเหลือตัวประกันในฉนวนกาซา เพราะการโจมตีจะขัดขวางกระบวนการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้ตัวประกันที่คาดว่ายังมีอยู่ชีวิตอยู่อีก 20 คน รวมทั้งเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าแผนสร้างสันติภาพ ตลอดจนทำให้ความพยายามของประเทศในตะวันออกกลางที่โน้มน้าวให้กลุ่มฮะมาสยอมรับข้อตกลงดังกล่าวได้ล้มเหลว
แม้อิสราเอลจะยังปฏิบัติการโจมตีต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซาแล้วอย่างน้อย 67,000 คน แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับการเจรจา โดยส่งคณะผู้แทนไปร่วมการเจรจาที่อียิปต์ ซึ่งจะได้พบหารือกับผู้แทนจากสหรัฐฯ และกาตาร์
สหรัฐฯ และประชาคมระหว่างประเทศ คาดหวังให้การเจรจาครั้งนี้ เป็นขั้นตอนสำคัญสู่การทำข้อตกลงหยุดยิง แต่ผู้เชี่ยวชาญยังไม่เชื่อมั่นว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง เนื่องจากกลุ่มฮะมาสยังไม่ตอบรับเงื่อนไขการวางอาวุธ ส่วนอิสราเอลก็ยังไม่ตอบรับว่าจะถอนกำลังทหารออกจากฉนวนกาซาทั้งหมด เพื่อให้กองกำลังของประเทศอาหรับเข้าไปรักษาความมั่นคงในพื้นที่
นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์การประท้วงต่อต้านอิสราเอลและสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในหลายประเทศ เฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป ซึ่งเป็นแรงดดันต่อรัฐบาลอิสราเอล จากกรณีอิสราเอลสกัดกั้นและควบคุมความเคลื่อนไหวของกองเรือให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา หรือกลุ่ม Global Sumud Flotilla โดยมีรายงานว่ามีผู้ชุมนุมต่อต้าอิสราเอลทั่วยุโรป เช่น ในตุรกี ในเนเธอร์แลนด์ ในลอนดอน สหราชอาณาจักร ในปารีส ฝรั่งเศส ในกรุงโรม อิตาลี มากกว่า 250,000 คน และเป็นการชุมนุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ส่วนในสเปนมีผู้ชุมนุมมากกว่า 70,000 คน ในเมืองบาร์เซโลนา และ 92,000 คน ในมาดริด เป็นต้น