รัฐบาลอิสราเอลเมื่อ 10 ตุลาคม 2568 เห็นชอบแผนการหยุดยิงชั่วคราวและการแลกเปลี่ยนตัวประกันที่อยู่ในการควบคุมของกลุ่มฮะมาส กับนักโทษชาวปาเลสไตน์ โดยการเห็นชอบนี้ แม้ว่าจะเป็นขั้นตอนแรกเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมการถอนทหารทั้งหมดของอิสราเอลออกจากฉนวนกาซา แต่ถือว่าเป็นพัฒนาการสำคัญต่อสถานการณ์ความตึงเครียดและความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮะมาส ที่เริ่มต้นเมื่อ 7 ตุลาคม 2566 สำหรับแผนการที่รัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติอิสราเอลเห็นชอบ จะประกอบด้วยการทำข้อตกลงหยุดยิงและถอนทหารอิสราเอลบางส่วนออกจากฉนวนกาซา รวมทั้งสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนตัวประกันและนักโทษระหว่างกัน
นอกจากนี้ กลุ่มฮะมาสยังต้องปลดอาวุธเพื่อร่วมมือกับอิสราเอลด้วย พร้อมกันนี้ สหรัฐฯ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันข้อตกลงดังกล่าวจะส่งทหารอเมริกันจำนวน 200 นายไปที่อิสราเอล จากนั้นจะร่วมสังเกตการณ์และปฏิบัติการร่วมกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อให้มั่นใจว่ากองทัพอิสราเอลและกลุ่มฮะมาสจะปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เนื่องจากผู้นำสหรัฐฯ ต้องการเร่งสร้างผลงานในการยุติความขัดแย้งระหว่างประเทศ พร้อมยืนยันว่าทหารอเมริกันจะไม่เข้าไปปฏิบัติการในฉนวนกาซา
ท่าทีของอิสราเอลในเชิงบวก ทำให้ทั่วโลกคาดหวังจะให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงในระยะยาวและการแก้ไขปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ เนื่องจากสงครามที่ผ่านมาสร้างความสูญเสีย รวมทั้งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศความมั่นคงในภูมิภาคอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสถานการณ์ในตะวันออกกลางเตือนว่าอิสราเอลเคยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดคือข้อตกลงเมื่อ มกราคม 2568 ที่อิสราเอลละเมิดเมื่อ มีนาคม 2568 จากนั้นก็ปฏิบัติการสังหารชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาไป 400 คนภายในวันเดียว
รัฐบาลอิสราเอลยังคงยืนยันว่าข้อตกลงปัจจุบันเป็นขั้นตอนแรก (phase one) และจะมีผลบังคับใช้ใน 24 ชั่วโมง ด้านกลุ่มฮะมาสจะต้องปล่อยตัวประกัน 20 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ และอีก 28 คนที่คาดว่าเสียชีวิตแล้วภายในระยะเวลา 3 วัน ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลต้องปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของปาเลสไตน์จำนวน 250 คน และชาวปาเลสไตน์ที่ควบคุมตัวไว้อีก 2,000 คน
การตัดสินใจของรัฐบาลอิสราเอล เป็นผลจากการที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ทบทวนแผนสันติภาพของสหรัฐฯ และเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อความมั่นคงในระยะยาว รวมทั้งตอบโจทย์เป้าหมายการทำสงครามครั้งนี้ เฉพาะอย่างยิ่งการทำให้กลุ่มฮะมาสยุติบทบาทด้านความมั่นคงและการเมืองในฉนวนกาซา ขณะที่สื่อต่างประเทศประเมินว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะส่งผลดีต่อทิศทางและแนวโน้มสถานการณ์ในฉนวนกาซา รวมทั้งลดแรงกดดันจากนานาชาติต่ออิสราเอลด้วย โดยคาดว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนรัฐบาลอิสราเอลอย่างใกล้ชิด เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์อิสราเอลและเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกัน