![]()

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อการเจรจาความตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยเมื่อ 28 ธันวาคม 2568 ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า ความตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนมีความคืบหน้าอย่างมาก หลังจากสหรัฐฯ เป็นตัวกลางในการพูดคุยระหว่างผู้แทนทั้งสองฝ่าย โดยมีตัวผู้นำสหรัฐฯ เองเข้าร่วมหลายครั้ง เพื่อเผลักดันให้มีการลงนามอย่างเป็นทางการในข้อตกลงที่สหรัฐฯ เสนอเพื่อยุติสงคราม และแก้ไขปัญหาในพื้นที่ พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่าผู้นำยูเครนเห็นด้วยกับรายละเอียดและเงื่อนไขส่วนใหญ่ในข้อตกลงแล้ว และกำลังเจรจาเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความตกลงร่วมกันร้อยละ 100 เป้าหมายสำคัญของยูเครน คือ การให้สหรัฐฯ ค้ำประกันความมั่นคงในระยะยาวหลังจากยุติสงคราม
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประเด็นการควบคุมดินแดนบางส่วนในยูเครนที่ยังไม่บรรลุข้อตกลงระหว่างกัน ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ก็ยอมรับว่าการเจรจาเพื่อจัดทำเงื่อนไขเรื่องดินแดนในยูเครนเป็นประเด็นที่ยากที่สุด โดยเฉพาะการควบคุมพื้นที่ในภูมิภาคดอนบาส เพราะปัจจุบันกองทัพรัสเซียใช้กำลังทหารควบคุมพื้นที่ไว้ตั้งแต่ปฏิบัติการทางทหารเมื่อปี 2565 ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ เสนอให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจเสรี (free economic zone)
การทำความตกลงสันติภาพและยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยมีผู้นำสหรัฐฯ เป็นผู้ผลักดัน อาจไม่สำเร็จได้โดยเร็ว แม้ว่าจะมีความคืบหน้า และยูเครนยอมยกเลิกความมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกเนโตแล้ว แต่ประเทศยุโรป รวมทั้งยูเครนเอง ต้องการให้รัสเซียถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากดินแดนของยูเครน ซึ่งเป็นประเด็นที่รัสเซียไม่เห็นด้วย พร้อมยืนยันว่าประชาชนในภูมิภาคดอนบาส ต้องการอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซีย
ด้านประชาชนยูเครนมีความเห็นว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ไม่มีคุณค่า และไม่มีอำนาจมากพอที่จะกดดันรัสเซียให้ยุติการโจมตี เพราะที่ผ่านมา รัสเซียละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้ง เช่น ข้อตกลง Minsk II เมื่อปี 2558 และเป็นฝ่ายเริ่มใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครน นอกจากนี้ มีรายงานว่ารัสเซียและยูเครนปฏิบัติการทางทหารตอบโต้กันอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในช่วงปลาย ธันวาคม 2568 เป้าหมายเพื่อทำลายโครงสร้างทางเศรษฐกิจและพลังงาน







