สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อ 4 พฤษภาคม 2568 ว่า ปากีสถานประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธรุ่น Abdali มีระยะยิงได้ไกล 450 กิโลเมตร โดยการทดสอบขีปนาวุธดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมด้านการทหาร เพื่อให้กองทัพปากีสถานมีความพร้อมปกป้องความมั่นคง ด้านประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีปากีสถานแสดงความยินดีกับความสำเร็จดังกล่าว อย่างไรก็ดี นานาชาติห่วงกังวลว่าการทดสอบขีปนาวุธของปากีสถานอาจทำให้บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานกับอินเดียตึงเครียดมากขึ้น หลังจากเกิดเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวในเมือง Pahalgam แคว้นแคชเมียร์ และกรณีที่ปากีสถานเชื่อว่าอินเดียเตรียมพร้อมปฏิบัติการทางทหารโจมตีปากีสถาน โดยอ้างความชอบธรรมจากเหตุการณ์โจมตีนักท่องเที่ยว
แม้ว่าปากีสถานจะแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่ออินเดีย แต่มีรายงานเมื่อ 5 พฤษภาคม 2568 ว่า ปากีสถานกังวลกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นและมาตรการของอินเดียที่ใช้การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและทรัพยากรแก่ชาวปากีสถาน ดังนั้น รัฐบาลปากีสถานพยายามหาประเทศตัวกลางช่วยลดระดับความตึงเครียด โดยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศปากีสถานหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเมื่อ 4 พฤษภาคม 2568 ให้ช่วยลดระดับความขัดแย้งกับอินเดีย ด้านรัสเซียตอบรับและแสดงความพร้อมที่จะเป็นตัวกลางจัดการความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานกับอินเดีย สาเหตุที่รัสเซียมีแนวโน้มช่วยเหลือในการเจรจาครั้งนี้ได้ เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีและใกล้ชิดกับทั้งอินเดียปละปากีสถาน
นักวิเคราะห์ประเมินว่าปากีสถานและอินเดียจะไม่ทำสงครามเต็มรูปแบบระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการทหารจากการที่ต่างฝ่ายต่างเพิ่มการยั่วยุ เช่น มีรายงานการยิงตอบโต้กันระหว่างทหารของทั้ง 2 ฝ่ายบริเวณเส้นควบคุม หรือ Line of Control (LoC) ในแคว้นจัมมูและแคชเมียร์ จึงอาจทำให้เกิดเหตุปะทะที่ลุกลามบานปลายเป็นความขัดแย้งทางการทหารได้ สำหรับผลการสืบสวนเหตุการณ์กราดยิงนักท่องเที่ยวในแคว้นแคชเมียร์ รัฐบาลอินเดียยังคงเชื่อมั่นว่าปากีสถานอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ความตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 ประเทศทำให้ประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณพรมแดนวิตกว่าจะเกิดการปะทะทางทหารและสงคราม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศวิตกว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะมีการข่มขู่กันด้วยอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากทั้งปากีสถานและอินเดียเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
นักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานกับอินเดียมีมมุมมองว่า ความขัดแย้งและความตึงเครียดรอบนี้แตกต่างจากครั้งอื่น ๆ เพราะเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ตึงเครียดขึ้นนั้นเป็นการโจมตีพลเรือนและนักท่องเที่ยว ในเมืองท่องเที่ยว ไม่ใช่การโจมตีเจ้าหน้าที่หรือทหารเหมือนเหตุการณ์ที่เมือง Pulwama เมื่อปี 2562 และเมือง Uri เมื่อปี 2559 ดังนั้น เหตุการณ์โจมตีพลเรือนทำให้ชาวอินเดียนึกย้อนไปถึงการโจมตีที่เมืองมุมไปเมื่อปี 2551 ซึ่งน่ากังวลมากกว่า เพราะเป็นภัยคุกคามต่อประชาชน รัฐบาลอินเดียต้องแสดงศักยภาพทางการทหารเพื่อปกป้องประชาชนมากขึ้น จึงคาดว่าความขัดแย้งครั้งนี้มีโอกาสขยายตัว เฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีความพยายามที่จะเจรจาระหว่างกัน และอาจทำให้ทั้งอินเดียและปากีสถานต้องเพิ่มกองกำลังประจำการบริเวณพรมแดนมากขึ้นในระยะยาว