อากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยในแต่ละวัน การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้ในปัจจุบันหลายคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการมองหาเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพและช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าควบคู่กันไป
ชาเป็นเครื่องดื่มอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าจะถูกใจผู้ที่รักสุขภาพ เฉพาะอย่างยิ่งการจิบชาในขณะที่ฝนตก อากาศเย็น ๆ หรือในห้วงเวลาว่าง ก็เป็นทางเลือกที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้พักผ่อนร่างกายและทำให้จิตใจสงบมากขึ้น
ชาเป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมของเอเชียมาอย่างยาวนาน เฉพาะอย่างยิ่งในจีน วัฒนธรรมการดื่มชาและการชงชามีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงสังคมที่ให้ความสำคัญและนิยมดื่มชา ในช่วงเริ่มแรกนั้น การดื่มชามีวัตถุประสงค์ในเชิงการใช้เป็นยาสมุนไพร และส่วนใหญ่จะใช้อยู่ในวัด โดยพระสงฆ์เริ่มใช้ประโยชน์จากชาเพราะชาช่วยส่งผลให้เกิดความสงบและผ่อนคลาย
ประเทศจีนนอกจากจะเป็นแหล่งกำเนิดของชาแล้ว ก็ยังมีพิธีชงชาแบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงด้วยเช่นกัน คือ พิธีชงชาจีนแบบกังฟู หรือภาษาจีนเรียก กงฟูฉา (Gongfu tea ceremony) ซึ่งเป็นการชงชาที่ต้องใช้ความอุตสาหะและความพิถีพิถัน เพื่อเป็นการแสดงถึงความนอบน้อมต่อธรรมชาติและเป็นสัญลักษณ์ของการให้เกียรติต่อแขกที่ดื่มชา สำหรับชาที่นิยมใช้ในการทำพิธีชงชาดังกล่าว คือ ชาอู่หลง (Oolong tea)
การทำพิธีชงชาแบบดั้งเดิมนั้นมีขั้นตอนและปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงหลายประการ ทั้งการเตรียมจิตใจที่สงบผ่อนคลายก่อนการชงชา การคัดสรรชาที่มีคุณภาพ การเตรียมน้ำที่สะอาดเหมาะสำหรับการชงชาเพื่อให้ได้รสชาติของชาที่ดี การใช้อุปกรณ์ชงชาที่ถูกต้อง การเตรียมบรรยากาศของห้องที่ใช้ชงชาให้มีความสงบ สะอาด และสบาย ตลอดจนเทคนิคต่าง ๆ ในการชงชาที่สะท้อนถึงความสงบและความนิ่มนวล ผ่านการเคลื่อนไหวของมือ สีหน้าท่าทาง รวมทั้งเครื่องแต่งกายของผู้ชงชา
ในส่วนของการชงชาแบบง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้เองเพื่อให้ได้ชาที่รสชาติดีนั้น มีองค์ประกอบบางประการที่ควรคำนึงถึงเวลาชงชา ได้แก่ อุณหภูมิของน้ำ ปริมาณน้ำกับใบชา และระยะเวลาในการชงชา ชาแต่ละชนิดจะมีลักษณะ สี กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมีของใบชา และกระบวนการผลิตชา ซึ่งชาที่ผ่านกระบวนการผลิตไม่มาก อาทิ ชาขาว ชาวเขียว หรือชาอู่หลงบางชนิด ส่วนใหญ่จะใช้น้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 80 – 90 องศาเซลเซียสในการชงชา ใช้เวลาชงประมาณ 1-3 นาที ส่วนชาที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่มากกว่า (ทั้งการหมัก (oxidation) และการอบชา (drying)) อาทิ ชาอู่หลง ชาดำ การชงชาดังกล่าวจะใช้น้ำที่อุณหภูมิประมาณ 95 – 98 องศาเซลเซียส และใช้เวลาชงประมาณ 3 – 4 นาที
อย่างไรก็ดี การชงชาแบบซองให้ได้รสชาติและคุณภาพดี ระยะเวลาในการแช่ถุงชาก็จะขึ้นอยู่กับประเภทของชาเช่นกัน แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบของผู้ดื่มชา ซึ่งการแช่ถุงชาไว้นานจะทำให้ได้ชาที่มีรสเข้ม แต่ก็อาจมีความขมปนเข้ามาด้วย ขณะที่การแช่ถุงชาไว้ในระยะเวลาสั้น ๆ จะทำให้ได้ชาที่มีรสชาติอ่อนและหวาน แต่รสชาติจะไม่เข้มข้น นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการดื่มชาที่มีรสชาติแปลกใหม่อาจลองชาที่มีส่วนผสมของสมุนไพรหรือผลไม้ต่าง ๆ อาทิ เปปเปอร์มินท์ ขิง เลมอน หรือ พีช เป็นต้น ก็จะทำให้ได้รสชาติที่สดชื่นและกลมกล่อมไปอีกรูปแบบหนึ่ง
นอกเหนือจากพิธีชงชาที่ละเมียดละไมและการดื่มชาที่ช่วยสร้างความรื่นรมย์ให้แก่ผู้ดื่มแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่า การดื่มชายังมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยในชามีสารแอลธีอะนีน (L-Theanine) ที่ช่วยทำให้กระปรี้กระเปร่า
ลดความเครียด เพิ่มความสดชื่น ขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้ผ่อนคลาย จิตใจสงบ ช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น และมีข้อมูลที่ชี้ว่า ชายังมีส่วนช่วยในการป้องกันการสะสมของไขมันอีกด้วย
ชาเป็นเครื่องดื่มที่มีเสน่ห์และให้ประโยชน์มากมาย สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย การดื่มชาดี ๆ สักถ้วยก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว