ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งผู้บริหารเมื่อ 23 เมษายน 2568 เพื่อเดินหน้าการปฏิรูประบบการศึกษาในประเทศ โดยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การปรับกรุงกระบวนการรับรองสถาบันอุดมศึกษา (accrediting system) ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าเป็นอาวุธลับในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ ในปัจจุบันที่มีการเลือกปฏิบัติและเผยแพร่อุดมการณ์ที่มีอคติในหลายพื้นที่
สื่อมวลชนสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่าคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์จะกดดันให้สถาบันอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เผชิญข้อจำกัดในการใช้และเผยแพร่แนวปฏิบัติตามหลักการ DEI ideology ที่เน้นความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นหลักคิดที่ผู้นำสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วย เพราะเชื่อว่าหลักการดังกล่าวทำให้สังคมอเมริกันแตกแยกมากกว่าเป็นผลดี นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการให้สถาบันอุดมศึกษาให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาและศักยภาพของนักศึกษามากกว่า เพื่อให้ตอบสนองความต้องการตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคต
การปรับปรุงกระบวนการรับรองสถาบันอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เท่ากับการตั้งมาตรฐานใหม่ให้สถาบันต่าง ๆ ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ตรงการเกณฑ์และได้รับการยอมรับ และที่สำคัญคือได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งในที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนงบประมาณในรูปแบบเงินยืมให้สถาบันอุดมศึกษาในสหรัฐฯ ประมาณปีละ 120,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาในสหรัฐฯ ต้องปรับตัวตามมาตรฐานใหม่เพื่อให้ได้รับการรับรอง เช่น ให้รายงานความร่วมมือกับต่างประเทศและข้อมูลการเงิน อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบคุณภาพและความเสี่ยงที่จะมีการแทรกแซงจากต่างชาติในสถาบันอุดมศึกษาของสหรัฐฯ
ผู้นำสหรัฐฯ ยังลงนามในคำสั่งผู้บริหารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูประบบการศึกษาของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน ซึ่งมี เป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ชัดเจน ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ใช้ประเด็นการรับรองคุณภาพมหาวิทยาลัยหรือสถาบันศึกษาเป็นเครื่องมือในการกำหนดนโยบาย แต่ประธานาธิบดีทรัมป์วิจารณ์ประเด็นคุณภาพมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อต้นเมษายน 2568 ก็วิจารณ์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ปล่อยให้มีกระแสต่อต้านยิวในมหาวิทยาลัยและปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัฐบาลที่ให้ร่วมมือในการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษาและอาจารย์ของมหาวิทยาลัย จากนั้นก็ประกาศตัดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัย จนทำให้เกิดเป็นประเด็นความขัดแย้งต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงกระบวนการรับรองสถาบันศึกษาในสหรัฐฯ จะเพิ่มแรงกดดันให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ต้องปรับตัวและอาจเป็นความท้าทายในการขยายความร่วมมือกับสถาบันศึกษาในต่างประเทศ รวมทั้งการรับนักศึกษาต่างชาติ จากประเทศที่มีความขัดแย้งกับสหรัฐฯ