![]()

สถานการณ์ภัยพิบัติในปี 2568 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อความปลอดภัยของมนุษย์ โดยนอกจากสถานการณ์อุทกภัยในประเทศไทยหลายพื้นที่ มีรายงานอุทกภัยรุนแรงในอินโดนีเซีย เนื่องจากฝนตกหนักสะสมในเขตสุมาตราเหนือ ทำให้รัฐบาลต้องเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ รวมทั้งอุทกภัยในฟิลิปปินส์ที่เสี่ยงสั่นคลอนความมั่นคงของรัฐบาล ล่าสุด มีรายงานสถานการณ์อุทกภัยในศรีลังกา เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2568 สาเหตุหลักมาจากฝนตกหนัก ทำให้เกิดเหตุดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันในภูมิภาค Badulla และ Nuwara Eliya ทางตอนกลางของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 47 ราย สูญหาย 21 ราย ทั้งนี้ ศรีลังกาเผชิญสภาวะอากาศไม่แน่นอนและฝนตกหนักตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้อ่างเก็บน้ำและเขื่อนไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนได้ อุทกภัยทำให้ไม่สามารถสัญจรระหว่างเมืองได้ตามปกติ โดยเฉพาะรถไฟซึ่งรางรถไฟจำนวนมากถูกโคลนถล่มและน้ำท่วม ปัจจุบันรัฐบาลใช้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ตามที่อยู่อาศัย
ศรีลังกาเผชิญอุทกภัยและเหตุดินถล่มบ่อยครั้ง เนื่องจากมีภูมิศาสตร์ตั้งอยู่ในเขตมรสุม และได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศโลกแปรปรวน เมื่อมิถุนายน 2567 เผชิญอุทกภัยรุนแรงและฉับพลันทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย ส่วนเหตุการณ์ที่รุนแรงและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคืออุทกภัยเมื่อปี 2546 มีรายงานผู้เสียชีวิต 254 ราย
สถานการณ์อุทกภัยและภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้นในปี 2568 อาจเป็นสัญญาณว่าทั่วโลกควรให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับการทบทวนแผนการตอบสนองกับความท้าทายด้านความมั่นคงที่จะเกิดขึ้นจากภัยพิบัติ รวมทั้งการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า การแจ้งเตือน และการฝึกซ้อมเพื่อบรรเทาความรุนแรงและผลกระทบเมื่อเผชิญวิกฤต แม้ว่าภัยพิบัติต่าง ๆ จะเป็นเรื่องที่คาดการณ์ยาก แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ได้สรุปออกมาแล้วเมื่อต้น พฤศจิกายน 2568 ว่า สภาพอากาศโลกจะแปรปรวนและผันผวนรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ภัยพิบัติต่าง ๆ มีแนวโน้มจะรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ ทั้งอุทกภัย คลื่นความร้อน ภัยแล้ง ไฟป่า และพายุ สาเหตุสำคัญมาจากการกระทำของมนุษย์ที่เป็นปัจจัยเร่งให้สภาพอากาศแปรปรวน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทั่วโลกยังไม่ได้ให้ความร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อรักษาอุณหภูมิโลก เพราะยังต้องการพัฒนาประเทศตามโมเดลอุตสาหกรรม
การชะลอภาวะโลกร้อนและผันผวนอาจเป็นไปได้ยาก เพราะต้องมีความร่วมมือและแนวปฏิบัติร่วมกันทั่วโลก ขณะที่การรับมือกับสภาวะวิกฤต อาจเป็นแนวทางที่แต่ละประเทศสามารถทบทวนและออกแบบร่วมกับประชาชนให้เหมาะสมกับถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อลดระดับผลกระทบเมื่อเกิดภัยพิบัติ ซึ่งเป็นความท้าทายด้านความมั่นคงที่ควบคุมและคาดการณ์ได้ยาก







