![]()

ช่วงต้นธันวาคม 2568 สื่อกัมพูชาเสนอข่าวสารสำคัญเกี่ยวกับการที่กัมพูชาเปิดรับสภาธุรกิจสหรัฐฯ–อาเซียน (U.S.-ASEAN Business Council -USABC) ซึ่งการที่นายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาได้เข้าร่วมประชุม และพบหารือกับ USABC ด้วยตนเอง และสร้างความมั่นใจในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล และการมีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ทำให้ USABC พอใจมาก และยังตอบรับที่กัมพูชาได้จัดตั้งช่องทางการติดต่อ และแก้ไขปัญหาระหว่างนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ ที่ชื่อว่า Government-Private Sector Forum หรือ G-PSF
หลังจากการเดินสายในกัมพูชาของบริษัท USABC เช่น ConocoPhillips, Marriott International, Mastercard, Visa, Ford & RMA, Coca-Cola, และ Vriens & Partners เป็นต้น ในครั้งนี้ การค้าการลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ น่าจะหลั่งไหลไปยังกัมพูชามากขึ้น เพราะ USABC ได้พบหลายภาคส่วนของกัมพูชาเช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยว และกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ กัมพูชายังได้ นาย Dararith Lim นักธุรกิจรายใหญ่ที่มากประสบการณ์ทั้งในระดับประเทศ และระหว่างประเทศเป็น Executive Strategic Advisor for Cambodia ของ USABC ด้วย ทั้งนี้ นาย Dararith Lim ยังทำงานให้กับหอการค้าอเมริกันในกัมพูชา และเป็น คณะกรรมการของ American University of Phnom Penh รวมทั้งมีธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลและสุขภาพระดับนานาชาติ นาย Dararith Lim ยังน่าจะผลักดันให้ USABC เปิดสำนักงานถาวรในพนมเปญในอนาคตอีกด้วย
ด้านสภาเพื่อการพัฒนาแห่งชาติของกัมพูชา ( Council for the Development of Cambodia-CDC) ยังส่งสัญญาณให้กับนักธุรกิจของ USABC ว่า กัมพูชาพร้อมจะเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์ ( strategic hub) ให้กับบริษัทสหรัฐฯ ในอาเซียน และตลาดโลกอีก ขณะที่นาย Anthony Galliano ซึ่งเป็นผู้บริหารของ Cambodian Investment Management Holdings (CIM) รองประธานหอการค้าอเมริกันในกัมพูชายืนยันกับทาง USABC ว่า มีเป้าหมายผลักดันกัมพูชาให้เป็น ASEAN rising star รวมทั้งชื่นชมประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ช่วยทำให้เกิดการเจรจาหยุดยิงระว่างไทยกับกัมพูชา และยังได้มีการลงนามในข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ (U.S.-Cambodia Agreement on Reciprocal Trade) ที่มาเลเซีย เมื่อ 26 ตุลาคม 2568 ด้วย
แม้การลงทุนของสหรัฐฯ ในกัมพูชาจะยังไม่สามารถแทนที่จีน ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโดยตรง ( Foreign Direct Investment-FDI) รายใหญ่ที่สุดในกัมพูชาได้ แต่การที่มีบริษัทขนาดใหญ่ใน USABC พบเจ้าหน้าที่ระดับสูง และนักธุรกิจในกัมพูชา จะทำให้การลงทุนของสหรัฐฯ ในกัมพูชาเพิ่มขึ้น ตามวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนของประเทศด้วย FDI สำหรับภาคธุรกิจที่ USABC สนใจจะเข้าไปลงทุนในกัมพูชา หากพิจารณาจากบริษัทที่เดินทางไปกัมพูชากับ USABC ครั้งนี้ ได้แก่ ด้านสาธารณสุข พลังงาน การให้บริการและสินค้าทางดิจิทัล ด้านการเงิน และด้านบริการ smart cities การประกันภัย และอุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นต้น
สำหรับ FDI ของกัมพูชา ในห้วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กันยายน) เพิ่มขึ้นจากห้วงเดียวกันถึงร้อยละ 47 การลงทุนส่วนใหญ่ไปยังภาคอุตสาหกรรม และการผลิต รองลงไป เช่น โครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมทางการเกษตร อย่างไรก็ดี FDI ประมาณ ร้อยละ 52 ของการลงทุนในกัมพูชามาจากการลงทุนของจีน ส่วนอีกร้อยละ 30 เป็นการลงทุนในประเทศ และที่เหลือน้อยกว่าร้อยละ 1 มาจากประเทศอื่น เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และมาเลเซีย







