ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นแสดงบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น ท่ามกลางการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีบุคคลใดดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากที่นายอิชิบะ ชิเกรุ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประกาศผ่านสื่อมวลชนว่าจะลาออกจากตำแหน่ง เมื่อ 7 กันยายน 2568 ซึ่งกำหนดจะเลือกหัวหน้าพรรคในต้นตุลาคม 2568 เพื่อจะให้รัฐสภารับรองให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ส่วนในเวทีระหว่างประเทศ ญี่ปุ่นยังแสดงความชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับสหรัฐฯ ที่พร้อมร่วมมือกันกดดันรัสเซีย เพื่อให้ยุติสงครามกับยูเครนด้วยการเพิ่มการคว่ำบาตร
ญี่ปุ่นประกาศเมื่อ 12 กันยายน 2568 เพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยมุ่งเป้าเรื่องพลังงานที่เป็นรายได้สำคัญของรัสเซีย ด้วยการกดเพดานราคาการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียให้ลดลงเหลือ 47.60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากที่กำหนดโดยที่ประชุม G7 เมื่อปี 2565 อยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล รวมทั้งอายัดทรัพย์สินบุคคล 14 ราย และองค์กร 51 ราย ส่วนนิวซีแลนด์ก็ประกาศพร้อมกับญี่ปุ่นลดเพดานราคาน้ำมันในระดับเท่ากัน อย่างไรก็ดี แม้ญี่ปุ่นเพิ่มการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่ยังรักษาผลประโยชน์แห่งชาติด้านความมั่นคงทางพลังงาน ด้วยการนำเข้าก๊าซ LPG ผ่านท่อก๊าซ Sakhalin-2 เพื่อใช้ในประเทศ
สหราชอาณาจักรก็กดดันเรื่องการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย พร้อมกับญี่ปุ่นและนิวซีแลนด์ ด้วยการคว่ำบาตรเรือบรรทุกน้ำมันบังหน้าของรัสเซีย 70 ลำ รวมทั้งคว่ำบาตรอีก 30 บริษัท และอีกหลายบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตขีปนาวุธ เช่น อิเล็กทรอกนิกส์ สารเคมี เป็นต้น สหภาพยุโรปยังมีมติเมื่อ 12 กันยายน 2568 ขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียออกไปอีก 6 เดือน จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2569 โดยมาตรการดังกล่าวยังคงครอบคลุมบุคคลและนิติบุคคลกว่า 2,500 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการคุกคามหรือแทรกแซงดินแดนและอธิปไตยของยูเครน
ญี่ปุ่นคัดค้านการกระทำของรัสเซียที่รุกรานยูเครนมาโดยตลอด รวมทั้งให้ความช่วยเหลือยูเครน โดยมูลค่าความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและอื่น ๆ ที่ญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือยูเครน ประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งนำเงินที่ได้จากการอายัดทรัพย์สินต่อรัสเซีย ไปให้ยูเครนกู้เงิน นอกจากนี้ เมื่อสิงหาคม 2568 ญี่ปุ่นประกาศว่าพร้อมความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการค้ำประกันความมั่นคงให้กับยูเครน ก่อหนน้านี้ เมื่อปี 2567 ญี่ปุ่นและยูเครนได้ทำข้อตกลงด้านความมั่นคง ระยะเวลา 10 ปี ในการที่จะสนับสนุนความช่วยเหลือที่ไม่ใช่ด้านอาวุธ สนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และฟื้นฟูด้านการก่อสร้าง
ในห้วงเดียวกันที่ญี่ปุ่นประกาศเพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซีย ญี่ปุ่นประกาศเมื่อ 10 กันยายน 2568 ว่า จะปิดศูนย์เศรษฐกิจที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 2537 ทั้งหมด 6 แห่งในรัสเซีย จากที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศไม่ราบรื่นกรณีญี่ปุ่นคัดค้านการที่รัสเซียรุกรานยูเครน แต่ญี่ปุ่นก็ได้แจ้งแผนการปิดศูนย์ฯ แก่รัสเซียล่วงหน้าแล้วเมื่อ สิงหาคม 2568 ฝ่ายรัสเซียก็ได้ระงับการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เกี่ยวกับศูนย์เศรษฐกิจญี่ปุ่นเพียงฝ่ายเดียว ตั้งแต่เมื่อมกราคม 2568 นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยของรัสเซียยังเข้าตรวจสอบศูนย์เศรษฐกิจญี่ปุ่นในเมือง Vladivostok เมื่อ 30 กรกฎาคม และสิงหาคม 2568 ด้วย