ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการใน 16 กันยายน 2568 โดยจะได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีชาลส์ที่ 3 และผู้นำรัฐบาลสหราชอาณาจักรด้วย สื่อมวลชนสหรัฐฯ ติดตามรายงานการเยือนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากประเมินว่าจะเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ ตลอดจนมีการเตรียมความพร้อมอย่างดี เพื่อให้ผลลัพธ์หรือภาพลักษณ์การเยือนออกมาราบรื่น มากกว่าการเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งในครั้งนั้นประธานาธิบดีทรัมป์เผชิญการต่อต้านจากชาวอังกฤษและมีการประท้วง Trump Baby ระหว่างการเยือนด้วย
ข้อตกลงที่คาดว่าจะเป็นผลงานสำคัญในการเยือนครั้งนี้ คือ การเพิ่มความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศด้านพลังงานนิวเคลียร์ หรือ Atlantic Partnership for Advanced Nuclear Energy ที่จะส่งเสริมให้บริษัทพัฒนาและก่อสร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์สามารถดำเนินกิจการในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกการลงทุนดังกล่าวภายใน 2-4 ปี โดยรัฐบาลสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรผลักดันความร่วมมือดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานระหว่างประเทศ รวมทั้งเชื่อว่าการสร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์จะเพิ่มการจ้างงานในทั้ง 2 ประเทศได้จำนวนมาก
ความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงทางพลังงานของสหราชอาณาจักรในระยะยาว แม้ว่าการก่อสร้างโรงงาน การปรับปรุงกฎหมายและการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมต่อการแจกจ่ายพลังงานดังกล่าวจะใช้เวลานาน แต่การลงนามในข้อตกลงดังกล่าวกับสหรัฐฯ จะทำให้มีความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของทั้ง 2 ประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการรับประกันความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการจัดการพลังงานนิวเคลียร์ ที่ผ่านมา รัฐบาลสหราชอาณาจักรพยายามผลักดันการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในประเทศ เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาด และลดการพึ่งพาพลังงานนำเข้าจากต่างประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของสหราชอาณาจักรต้องการฟื้นฟูบทบาทของประเทศให้เป็นผู้นำโลกด้านพลังงานนิวเคลียร์ แต่ถูกคัดค้านโดยกลุ่มปกป้องสิ่งแวดล้อม เช่น กลุ่ม Greenpeace ที่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับงบประมาณที่รัฐบาลต้องใช้ในโครงการดังกล่าว รวมทั้งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
สหรัฐฯ ได้ประโยชน์จากข้อตกลงดังกล่าว เพราะจะเป็นผลงานด้านการส่งเสริมพลังงานสะอาดและความร่วมมือกับต่างประเทศ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าสหรัฐฯ จะเป็นผู้เริ่ม “ยุคทอง” ของพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์เชื่อว่าการใช้พลังงานนิวเคลียร์จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาลในการประมวลข้อมูล ก่อนหน้านี้เมื่อ พฤษภาคม 2568 ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งผู้บริหาร 4 ฉบับเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและใช้พลังงานนิวเคลียร์ในประเทศ