ออสเตรเลียประกาศเมื่อห้วงกลางกันยายน 2568 ว่าเตรียมใช้งบประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปรับปรุงและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกอู่ต่อเรือ Henderson หรือ Henderson Defence Precinct ตามแผน 20 ปีเพื่อรองรับให้กลายเป็นอู่ต่อเรือเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ในอนาคต ทั้งนี้ อู่ต่อเรือ Hendersonเป็นศูนย์กลางการต่อเรือและการบำรุงรักษาเรือทางทะเลที่สำคัญในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ตั้งอยู่ที่ Quill Way, Henderson WA 6166 ห่างจากเมืองเพิร์ท ไปทางใต้ประมาณ 23 กิโลเมตร
ออสเตรเลียยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ และการลงทุนพัฒนาครั้งนี้ของรัฐบาลออสเตรเลียเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง AUKUS ที่ตกลงกันเมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นการผนึกกำลังทางทหารระหว่างออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดหาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ให้ออสเตรเลียเพื่อเสริมศักยภาพกองทัพเรือให้ทันสมัยและแข็งแกร่ง เพื่อรับมือกับความทะเยอทะยานของจีนในภูมิภาค
อินโด-แปซิฟิก โดยอู่ต่อเรือดังกล่าวจะพัฒนาให้รองรับการซ่อมบำรุงรักษาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ และเรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนีย (Virginia-class) รวมถึงการสร้างอู่แห้ง (dry port) ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาประมาณ 10 ปี
แผนงานดังกล่าวคาดจะมีการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเรือยกพลขึ้นบกของกองทัพบก และเรือ
ฟริเกตสำหรับกองทัพเรือด้วย ทั้งนี้ ตามแผนงานดังกล่าวคาดจะช่วยสร้างงานหลายพันตำแหน่งให้กับชาวออสเตรเลีย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออสเตรเลียเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า สหรัฐฯ จะสามารถเข้ามาใช้สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการป้องกันประเทศที่วางแผนไว้ใกล้กับเมืองเพิร์ทเพื่อช่วยในการส่งมอบเรือดำน้ำตามข้อตกลง AUKUS ร่วมถึงใช้ประโยชน์สำหรับบำรุงรักษาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯด้วย
เรือดำนำนิวเคลียร์ของออสเตรเลียคือเครื่องมือหลักของข้อตกลง AUKUS ที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การถ่วงดุลอำนาจที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ส่วนหนึ่งเพราะเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์สามารถปฏิบัติการใต้น้ำได้นานกว่าและเดินทางได้ไกลกว่าเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า ทำให้สามารถลาดตระเวนและตอบโต้ในพื้นที่ห่างไกลจากออสเตรเลียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในน่านน้ำสำคัญของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และด้วยความสามารถในการปฏิบัติการใต้น้ำอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ ทำให้เรือดำน้ำนิวเคลียร์เป็นภัยคุกคามที่ตรวจจับได้ยากกว่ามาก
สุดท้ายแล้ว ความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นการสร้างพันธมิตรทางเทคโนโลยีและยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้งระหว่างชาติมหาอำนาจ เพื่อรักษาเสถียรภาพและผลประโยชน์ของชาติในภูมิภาคอินโด-แปซิกฟิกที่ทวีความสำคัญทางยุทธศาสตร์มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามความร่วมมือของกลุ่ม AUKUS (ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ) เพื่อไม่ให้อิทธิพลของจีนเข้ามาครอบงำในภูมิภาคอินโด-แปซิกฟิก