![]()

มาเลเซียเป็นประธานจัดการประชุมพหุภาคีในกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก หรือ East Asia Summit (EAS) ครั้งที่ 20 เมื่อ 27 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นโอกาสในห้วงเดียวกันกับที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 และประเทศคู่เจรจา ทำให้การประชุม EAS มีผู้นำต่างประเทศเข้าร่วมจำนวนมาก รวมทั้งผู้แทนระดับสูงจากบราซิล ในฐานะประธานกลุ่ม BRICS และผู้นำแอฟริกาใต้ ในฐานะประธานกลุ่มความร่วมมือ G20 ด้วย
การประชุม EAS ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อหารือแนวทางขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวของระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศให้รับมือกับภัยคุกคามได้ ตลอดจนยืนยันเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจและการเติบโตแบบยั่งยืน ผลการประชุมที่สำคัญ คือ ผู้นำประเทศสมาชิก EAS จำนวน 19 ประเทศ ได้แก่ สมาชิกอาเซียน 11 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย สหรัฐฯ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และรัสเซีย เห็นพ้องว่าจะใช้กรอบความร่วมมือ EAS เป็นกลไกหารือระดับผู้นำเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การเมือง และยุทธศาสตร์ระหว่างกันต่อไป โดยยึดหลักผลประโยชน์ร่วม ตลอดจนแก้ไขปัญหาท้าทายร่วมกัน
มาเลเซียใช้การประชุม EAS ผลักดันวาระสำคัญในฐานะประธานอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียใช้โอกาสการประชุม EAS ซึ่งมีสมาชิกมากกว่าอาเซียน และมีประเทศมหาอำนาจสำคัญเข้าร่วม โน้มน้าวให้สมาชิก EAS ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างบรรยากาศความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งรักษาความสัมพันธ์กับเมียนมาและเกาหลีเหนือ แม้ว่าทั้ง 2 ประเทศจะยังเผชิญแรงกดดันด้วยมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ท่าทีดังกล่าว เพื่อจะให้นานาชาติ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจฝั่งโลกตะวันตก ยอมรับและไว้วางใจกลไกของอาเซียนที่จะสนับสนุนการเลือกตั้งทั่วไปในเมียนมาที่จะมีขึ้นในห้วงปลาย ธันวาคม 2568 รวมทั้งกลไกความร่วมมือด้านความมั่นคงในกรอบการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ ASEAN Regional Forum (ARF) ซึ่งในปีที่ 2567 เกาหลีเหนือจะส่งผู้แทนเข้าร่วมด้วยเพื่อรักษาความไว้วางใจผ่านการดำเนินนโยบายการทูตเชิงป้องกัน และช่องทางประสานงานระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ARF เมื่อ กรกฎาคม 2568 เกาหลีเหนือไม่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วม ทำให้อาเซียนกังวลว่าจะไม่เป็นผลดีต่อการรักษาบรรยากาศความสัมพันธ์ในภูมิภาค
ประเทศอื่น ๆ ที่เข้าร่วมการประชุม EAS คาดหวังว่าประเด็นหารือและท่าทีของมหาอำนาจในการประชุมครั้งนี้จะเป็นสัญญาณเพื่อกำหนดท่าทีอย่างเป็นทางการอีกครั้งในการประชุมสอุยอดเอเปคที่จะจัดขึ้นที่เกาหลีใต้ นอกจากนี้ หลายประเทศสมาชิก EAS ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership-RCEP) ด้วย รวมทั้งไทย ที่ถือว่าเป็นความคืบหน้าของกลุ่ม RCEP หลังจากมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2565 และยังอยู่ระหว่างการเจรจามาตรการร่วมกันเพื่อลดภาษีศุลกากร ส่งเสริมการลงทุน และเอื้อให้การเคลื่อนย้ายสินค้าภายในภูมิภาคเป็นไปอย่างเสรี







