ทิศทางความสัมพันธ์การค้าสหรัฐฯ – จีนในปี 2566
ภาพการจับมือและพบหารือกันเป็นเวลามากกว่า 2 ชั่วโมงของผู้นำสหรัฐฯ กับผู้นำจีน นอกรอบการประชุม G20 ที่บาหลี อินโดนีเซีย อาจเป็นหมุดหมายสำคัญที่ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในปี 2566 เพราะนอกจากการพบกันดังกล่าวจะเป็นการพบกันแบบ face-to-face ครั้งแรกตั้งแต่ผู้นำสหรัฐฯ รับตำแหน่งแล้ว ยังเป็นการยอมไปพบกันในช่วงที่ความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่น เรียกได้ว่ามีความขัดแย้งและเห็นต่างกันหลายประเด็นทั้งเรื่องในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นการพบกันหลังจากมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในประเทศของทั้งสหรัฐฯ และจีนด้วย นั่นก็คือ การที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเพิ่งจะได้กระชับอำนาจทางการเมืองและเป็นผู้นำจีนต่ออีก 1 สมัย ส่วนประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดนของสหรัฐฯ เพิ่งเอาชนะการเลือกตั้งกลางสมัยได้ในวุฒิสภา ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ แม้ว่าจะแพ้ในสภาผู้แทนราษฎร แต่คะแนนที่ได้มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ก็สะท้อนว่ารัฐบาลไบเดนต่อสู้กับพรรครีพับลิกันได้อย่างสูสี เรียกได้ว่าเป็นการพบกันครั้งแรก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เพิ่งเกิดขึ้น และยังต้องพยายามไม่ทำให้หลุมบ่อที่ทำให้ความสัมพันธ์สหรัฐฯ – จีนอยู่ในสถานะ “คู่แข่งที่ไม่เชื่อใจกัน” ขยายตัวกว้างขึ้นอีกด้วย แม้ว่าสื่อส่วนมากจะรายงานถึงการพูดคุยของทั้ง 2 ฝ่ายที่เต็มไปด้วยเรื่องที่สร้างความเสี่ยงจะขยายความขัดแย้งและความแตกต่างระหว่าง 2 มหาอำนาจโลก เช่น เรื่องจุดยืนต่อไต้หวัน สิทธิมนุษยชน และความขัดแย้งทางการค้าของทั้ง 2 ประเทศที่ยังคงไม่คลี่คลายและมีแนวโน้มจะขยายการแข่งขันด้านเทคโนโลยี จากการกีดกันและแย่งกันครอบครองเซมิคอนดักเตอร์ (chip)…ประเด็นเหล่านั้นต้องทำความเข้าใจตามหลักผลประโยชน์แห่งชาติ (national interest) ว่า การที่สหรัฐฯ…